วันที่ 4 กันยายน 2567 เวลา 09.00 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ศาลจังหวัดเชียงราย นัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ในคดีของ “บัสบาส” มงคล (สงวนนามสกุล) พ่อค้าขายเสื้อผ้าออนไลน์และนักกิจกรรมวัย 31 ปี ถูกกล่าวหาในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากการโพสต์เฟซบุ๊กรวม 2 โพสต์ เมื่อวันที่ 28 และ 30 ก.ค. 2565 โดยศาลอุทธรณ์ภาค 5 มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ลงโทษจำคุก 4 ปี 6 เดือน

โดยการฟังคำพิพากษาในวันนี้ บัสบาส ไม่ได้ถูกนำตัวมาจากเรือนจำกลางเชียงราย แต่เป็นการอ่านคำพิพากษาผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยมีพ่อและแม่ของจำเลยติดตามมาในภายหลัง แต่ไม่ได้พบตัว บัสบาส

ต่อมาเวลาประมาณ 10.10 น. ศาลจังหวัดเชียงราย อ่านคำพิพากษาโดยสรุป ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยรับว่าเป็นผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กโพสต์ข้อความและภาพต่อสาธารณะตามที่โจทก์ฟ้อง แต่ต่อสู้ว่าโพสต์ดังกล่าวไม่ได้เป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาท และอาฆาตมาดร้าย แม้มีคำหยาบคาย แต่เป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกไม่พอใจสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง เป็นการประชดประชันเสียดสี ไม่ได้ยืนยันข้อเท็จจริง ไม่ได้สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของพระมหากษัตริย์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยยอมรับว่าข้อความตามฟ้องสื่อถึงองค์พระมหากษัตริย์ และเมื่อพิจารณาข้อความและภาพ เห็นว่าเป็นการกล่าวด้วยถ้อยคำหยาบคาย ซึ่งกับบุคคลทั่วไป ก็ไม่สมควรกล่าวด้วยถ้อยคำเช่นนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 112 โดยที่ความไม่พอใจต่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่จำเลยอ้าง ก็ไม่ใช่เหตุที่จะมากระทำความผิดได้

เมื่อความผิดตามมาตรา 112 เป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ทั้งข้อความและภาพที่จำเลยโพสต์เป็นความเท็จ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (2) (3) อีกบทหนึ่งตามฟ้อง

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลชั้นต้น อุทธรณ์ข้ออื่นของจำเลยเห็นว่าเป็นข้อปลีกย่อย ไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนไป จึงไม่ต้องวินิจฉัยอีก พิพากษายืน

ผลของคำพิพากษาดังกล่าว ทำให้บัสบาสถูกพิพากษาลงโทษจำคุกโดยศาลอุทธรณ์รวมกันทั้งสามคดี เป็นจำคุก 54 ปี 6 เดือน (หากคำนวณโทษเต็มก่อนลดหย่อนหนึ่งในสาม คือจำคุก 81 ปี) นับเป็นผู้ถูกลงโทษด้วยข้อหา ม.112 สูงสุดเท่าที่ทราบข้อมูล

ขอบคุณข้อมูล ภาพ :  ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน