ลุ้นระทึกกันอีกรอบ! น้ำโขงนครพนมแตะขอบวิกฤต 12 เมตร เริ่มปริ่มพื้นร้านค้าใต้ลานพญานาคแล้ว เตือนเรือโดยสารระมัดระวังอันตรายขั้นสูง เผยอิทธิพลยางิ ทำพื้นที่นครพนมเสียหายแล้ว 6 อำเภอ 25 ตำบล 157 หมู่บ้าน

วันที่ 16 ก.ย.67 สถานการณ์น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้น สืบเนื่องจากอิทธิพลของพายุซุปเปอร์ไต้ฝุ่นยางิ พัดถล่มภาคเหนือของไทย และ สปป.ลาว ทำให้มวลน้ำมหาศาลไหลลงแม่น้ำโขง ผนวกกับจีนและลาวระบายน้ำออกจากเขื่อนไฟฟ้า ส่งผลให้จังหวัดพื้นที่ภาคอีสานแถบลุ่มแม่น้ำโขงได้รับผลกระทบ ตั้งแต่ จ.เลย,หนองคาย,บึงกาฬ,นครพนม,มุกดาหาร,อำนาจเจริญ และ จ.อุบลราชธานี ตามลำดับ

ในส่วนของ จ.นครพนม แม้ช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จะเจอฝนตกกระหน่ำติดต่อกันนานร่วมเดือน จนระดับน้ำพุ่งแตะจุดวิกฤตคือ 12 เมตรแต่ก็ผ่านพ้นมาได้ กระทั่งได้รับผลกระทบจากพายุดังกล่าว มวลน้ำจึงไหลบ่าทำให้ระดับน้ำคืบเข้าสู่จุดวิกฤตอีกครั้ง ล่าสุดจากสถานีตรวจวัดน้ำชุมชนหนองแสง เขตเทศบาลเมืองนครพนม วัดระดับได้ 11.65 เมตร เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 27 เซนติเมตร ห่างจากจุดวิกฤตธงสีแดง 12 เมตรเพียง 35 เซนติเมตรเท่านั้น

กรณีน้ำโขงไต่เพิ่มระดับ ทำให้เริ่มปริ่มพื้นฟุตบาทร้านจำหน่ายสินค้า อาหาร เครื่องดื่ม และของฝาก บริเวณใต้ถุนลานพญานาค ซึ่งเป็นจุดต่ำกว่าตลิ่งกว่า 2 เมตร แต่ทางเทศบาลเมืองนครพนม ได้สั่งให้เร่งย้ายสิ่งของออกจากพื้นที่ดังกล่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว จึงไม่มีสิ่งของใดๆเสียหาย และจากการสังเกตน้ำโขง พบว่ามีความเชี่ยวกรากมาก การเดินเรือโดยสารข้ามฟาก (นครพนม-ท่าแขก) จึงต้องเพิ่มความระมัดระวังอย่างมาก

ด้านนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ยังคงสั่งการให้ทั้ง 4 อำเภอ ที่อยู่ติดแม่น้ำโขง คือ อ.บ้านแพง,ท่าอุเทน,เมืองนครพนม และ อ.ธาตุพนม รวมทั้ง อ.ศรีสงคราม ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำสงคราม ที่เป็นลำน้ำสาขาที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยมากกว่าอำเภออื่น พร้อมประกาศแจ้งเตือนประชาชนเป็นระยะๆ  โดยกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์ระดับน้ำแม่น้ำโขงที่เพิ่มขึ้นอย่างใกล้ชิด เตรียมเครื่องจักรกล เครื่องมืออุปกรณ์ กำลังพลให้พร้อมช่วยเหลือทันทีตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ อำเภอที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและน้ำโขงหนุนสูงจังหวัดนครพนม มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 6 อำเภอ 25 ตำบล 157 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 11,638 คน จำนวน 4,500 ครัวเรือน ข้าวนาปีล่มกว่า 60,000 ไร่ ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ อ.ศรีสงคราม และ อ.นาทม ซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย