เฝ้าระวังท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก
ปภ.เตือน 53 จว.
กระทบหนัก 20-23 กันยายน
จว.ภาคกลางรับมือเจ้าพระยาสูง
ปลัดกทม.มั่นใจไม่ซ้ำปี’54
หนองคายยังท่วมหนักสูง 2 ม.
“ภูมิธรรม”ถกศปช.วอร์รูมแก้ปัญหาน้ำท่วมแบบ“วันสต๊อปเซอร์วิส” ด้านปลัด กทม.หวั่น Rain bombทำน้ำท่วมบางจุดยันน้ำไม่ท่วมเหมือนปี’54 กรมอุตุฯเตือนดีเปรสชั่น ส่งผลกระทบไทยเหนือ-อีสาน 20-23 ก.ย.นี้ ส่วน ปภ.เตือน10จังหวัด เฝ้าระวัง น้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก ด้าน เขื่อนเจ้าพระยา เพิ่มระบายน้ำ รับฝนตกเพิ่มขึ้น ขณะที่หนองคายเฝ้าระวังฝนตกซ้ำ อำนาจเจริญปักธงแดงแจ้งเตือน
เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานประชุมศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือ ผู้ประสบอุทกภัยวาตภัย และดินโคลนถล่มหรือ(ศปช.)ครั้งที่ 1/2567 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 22 หน่วยงานร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน มีวาระการพิจารณารูปแบบการจัดตั้งคณะทำงาน ศปช.มีหน้าที่ประมวลสถานการณ์ บูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลสารสนเทศทรัพยากรน้ำ วิเคราะห์สภาพอากาศ เพื่อแจ้งเตือนสร้างการรับรู้ ประสานช่วยเหลือผู้ประสบภัย การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ประสบภัย การเตรียมที่พักอาศัย รวมถึงเชิญบุคคลและหน่วยงาน เข้าประชุมเพื่อรายงานต่อ ศปช.เป็นระยะ และรูปแบบการรายงานผลประชุมติดตามสถานการณ์
‘ภูมิธรรม’ถกศปช.เร่งช่วยเหลือ
นอกจากนั้นจะมีการปรับแนวทางให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย อาทิ แนวทางการจ่ายเงินเยียวยา ตามหลักเกณฑ์เดิม แนวทางการจ่ายเงินเยียวยา ในกรณีพิเศษ มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า จะไม่เก็บค่าไฟฟ้าเดือนกันยายน 2567 และให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า ร้อยละ 30 สำหรับค่าไฟเดือนตุลาคม โดยจะใช้งบประมาณ 1,696 ล้านบาท และเรื่องอื่นๆ
ให้ทุกอย่างเป็นวันสต๊อปเซอร์วิส
นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องเร่งด่วนคือสิ่งที่ประชาชนกำลังประสบภัยพิบัติในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนหนึ่งคลี่คลายแล้ว แต่กำลังมีพายุเข้ามาอีก เป็นระดับดีเปรสชั่น ต้องทำเรื่องเก่าที่ค้างให้บรรลุ เนื่องจากปัญหาสะสมและรอขั้นตอนการเยียวยา ที่สำคัญคือต้องรวดเร็ว ให้ทุกอย่างเป็นวันสต๊อปเซอร์วิส มีหน้าที่ประชุม สั่งการ อำนวยการ เพื่อรายงานที่ประชุมใหญ่ รับทราบต่อไป
กทม.หวั่นRainbombทำน้ำท่วม
ที่ทำเนียบรัฐบาล นางวันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ได้เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วม โดยสิ่งที่พยายามทำมากขึ้นคือการแจ้งเตือนหากมีปริมาณฝนตกหนัก แต่สิ่งที่หนักใจ คือ Rain bomb บางพื้นที่ หรือฝนตกแช่ในบางแห่ง อาจจะมีน้ำท่วมขังเนื่องจากระบบท่อระบายน้ำยังไม่มีการแก้ไข ส่วนพื้นที่ก่อสร้างที่กีดขวางทางน้ำ กองระบบคลอง กทม.ได้ดำเนินการจนคลี่คลายแล้วในหลายพื้นที่ แต่พื้นที่สาธารณะที่ยังมีปัญหา มีการทำบายพาสออกด้านข้างเรียบร้อยแล้ว
ปลัดฯลั่นน้ำไม่ท่วมเหมือนปี’54
นางวันทนีย์ กล่าวยืนยันว่า สถานการณ์น้ำใน กทม.จะไม่ท่วมเหมือนปี 2554 เนื่องจากน้ำที่ท่วมอยู่ในบริเวณด้านบนของประเทศ ซึ่งมีเขื่อนกักอยู่ ตอนนี้สิ่งที่กรุงเทพมหานครทำ คือการเตรียมความพร้อมที่จะไปช่วยภาคเหนือ แต่พื้นที่ใต้เขื่อนจะมีการเช็คระดับน้ำที่ปล่อยลงมาจากเขื่อนเจ้าพระยา โดยขณะนี้เขื่อนยังสามารถรองรับน้ำได้ ส่วนพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใน กทม.มีการเสริมเขื่อนทรายกั้นน้ำในบริเวณที่ยังเป็นจุดฟันหลอ เป็นที่เรียบร้อย
อุตุฯเตือนดีเปรสชัน20-23ก.ย.
ด้าน น.ส.กรรวี สิทธิชีวภาค อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ ฉบับที่ 5 เรื่อง พายุดีเปรสชัน ว่าพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางทางทิศตะวันออก จังหวัดดานัง ประเทศเวียดนาม ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน คาดว่าช่วงวันที่ 20-21 กันยายน 2567 จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลาง จากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ ประกอบกับร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรง พาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นช่วงวันที่ 19-23 กันยายน 2567 กับมีฝนตกหนักถึงหนักมาก และมีลมแรงในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้ง กทม.และปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่ม
มรสุมทำทั่วไทยยังมีฝนตกหนัก
อนึ่ง ช่วงวันที่ 19–22 กันยายน 2567 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 4 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันและเวลาดังกล่าว
ปภ.เตือน10จังหวัดเสี่ยงน้ำท่วม
ขณะที่นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รับแจ้งจากกรมชลประทาน ว่าร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ รวมทั้ง กทม.และปริมณฑล มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ จึงประสานแจ้งเตือน 10 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรปราการ รวมถึง กทม.เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
ประสานหน่วยงานต่างๆรับมือ
นอกจากนี้ได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชนที่ประกอบกิจการในแม่น้ำ อาทิ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร ท่าเทียบเรือโดยสารสาธารณะ ตลอดจนประชาสัมพันธ์แจ้งประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำและบริเวณจุดเสี่ยงที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ ให้เฝ้าระวังระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ รวมถึงขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง รวมถึงประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำและแนวป้องกันน้ำท่วมให้มีความแข็งแรง เพื่อป้องกันระดับน้ำล้นข้ามแนวคันกั้นน้ำ อีกทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย พร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
เผยน้ำยังท่วม10จังหวัด-เร่งช่วย
นอกจากนี้ ปภ.รายงานว่าระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม-18 กันยายน 2567 เกิดสถานการณ์น้ำท่วมใน 30 จังหวัด รวม 151 อำเภอ 676 ตำบล 3,596 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 141,387 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต รวม 45 ราย และได้รับบาดเจ็บ รวม 24 คน ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 10 จังหวัด รวมพื้นที่ได้รับผลกระทบ 38 อำเภอ 181 ตำบล 912 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 28,651 ครัวเรือน โดย ปภ.เร่งส่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ พร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย ดูแลให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง
เขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มระบายน้ำ
ส่วนนายธเนศร์ สมบูรณ์ ผอ.สำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน กล่าวว่า ได้เตรียมปรับเพิ่มการระบายเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตราไม่เกิน 1,500 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที โดยจะเริ่มเพิ่มอัตราการระบายช่วงวันที่ 22-23 กันยายนนี้ และทยอยปรับแบบขั้นบันได โดยพิจารณาจากปริมาณน้ำที่ไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากจากฝนที่ตก จากอิทธิพลพายุดีเปรสชัน ตามที่กรมอุตุฯ ประกาศ
นายธเนศร์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ปรับลดการระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำด้านท้ายเขื่อน แต่ฝนที่จะตกเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีน้ำท่าไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เพิ่มขึ้นอีก จึงใช้ระบบชลประทานทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออก ที่อยู่เหนือเขื่อนเจ้าพระยา รับน้ำตามศักยภาพของคลอง รวมทั้งควบคุมการระบายน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำท่าและฝนที่จะตก
เตือนพื้นที่ท้ายเขื่อนฯรับน้ำเพิ่ม
“การปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จะส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อน บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ บริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา แม่น้ำน้อยบริเวณ ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดน อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพิ่มสูงขึ้นจากเดิมประมาณ 60 เซนติเมตร ถึง 1 เมตร ขอให้ประชาชนติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำจากทางหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ โดยสามารถขอรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมที่โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือสายด่วนกรมชลประทาน 1460 ได้ตลอดเวลา” นายธเนศร์ กล่าว
กรมชลฯทำหนังสือแจ้ง11จว.
ด้านนายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน ออกหนังสือแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา ฉบับที่ 8/2567 ลงวันที่ 17 กันยายน 2567 ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด 11 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา ประกอบด้วย จ.อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และ กทม.ให้เตรียมรับสถานการณ์น้ำ และประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อย ให้เฝ้าระวังระดับน้ำสูงขึ้น และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
กรมทรัพยากรธรณีเตือนภัย9จว.
ขณะเดียวกัน กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แจ้งเฝ้าระวังดินถล่ม โดยขอให้อาสาสมัครเครือข่ายในพื้นที่ จ.ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล จันทบุรี และ ตราด เฝ้าระวังภัยดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก ระหว่างวันที่ 18-19 กันยายน 2567 และขอให้เครือข่ายฯ วัดปริมาณน้ำฝนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย จะติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
หนองคายน้ำโขงเริ่มลดระดับ
ที่ จ.หนองคาย วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์แม่น้ำโขงล้นตลิ่ง ว่าส่วนอุทกวิทยาหนองคาย วัดระดับน้ำโขง อยู่ที่ 12.57 เมตร ยังสูงกว่าตลิ่ง 35 เซนติเมตร มีแนวโน้มลดลง แต่ยังต้องเฝ้าระวังผลกระทบจากพายุลูกใหม่ที่จะเข้ามาช่วงปลายสัปดาห์นี้ ว่าจะมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นอีกรอบหรือไม่
ส่วนที่ถนนประจักษ์ศิลปาคม ย่านใจกลางเมืองหนองคาย ซึ่งถูกน้ำท่วมสูงกว่า 80 เซนติเมตร บางแห่งน้ำลดลงหมดแล้ว ทำให้ประชาชนพากันทำความสะอาดบ้านเรือน ฉีดล้างดินโคลน โดยชาวบ้านต่างระบุว่า น้ำเริ่มลด แต่บางจุด เช่น หน้าสำนักงานที่ดิน จ.หนองคาย ถึงตลาดโพธิ์ชัย น้ำยังท่วมขังอยู่ในระดับ 40-50 เซนติเมตร คาดว่าน้ำจะลดลงต่อเนื่อง
ประมงจับจระเข้โผล่จุดน้ำท่วม
ขณะเดียวกัน สำนักงานประมงจังหวัดหนองคาย รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ ต.วัดธาตุ อ.เมือง จ.หนองคาย ว่าพบจระเข้บริเวณที่น้ำท่วม ช่วงบ้านเมืองบาง จึงร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดหนองคาย และหน่วยเรือตรวจการประมงเขื่อนน้ำอูน เข้าตรวจสอบ จนพบและจับจระเข้ ไว้ได้อย่างปลอดภัย โดยพบว่าเป็นจระเข้น้ำจืด ความยาวประมาณ 2 เมตร น้ำหนักประมาณ 70 กิโลกรัม จึงส่งไปอนุบาลที่ศูนย์วิจัยประมงน้ำจืดหนองคาย อ.ศรีเชียงใหม่ แล้ว ทั้งนี้ ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นจระเข้ จากที่ใด เนื่องจากน้ำท่วมหลายพื้นที่ทั้งภาคเหนือ และประเทศลาว
อำนาจเจริญปักธงแดงแจ้งเตือน
ส่วนที่ จ.อำนาจเจริญ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระดับน้ำในแม่น้ำโขง ที่หน้าสำนักงานเทศบาล ต.ชานุมาน อ.ชานุมาน ยังเพิ่มสูง โดยต่ำกว่าตลิ่ง 50 เซนติเมตร จึงมีการปักธงแดง แจ้งเตือนประชาชน เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน และเตรียมอพยพขึ้นที่สูงทันที และนำรถบรรทุกเทดินทำเขื่อนกั้นน้ำ เพื่อไม่ให้ไหลท่วมพืชผลการเกษตร และบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ตลอดแนวด้วย
ว่าที่ พ.ต.อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผวจ.อำนาจเจริญ พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและพบปะชาวบ้านพื้นที่บ้านบุ่งเขียว พร้อมระบุว่าได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ในการป้องกันและการช่วยเหลือชาวบ้านหากเกิดอุทกภัย นอกจากนี้ได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านติดตามสถานการณ์ผ่านช่องทางราชการ
พัทยาจมถูกฝนถล่มนับชั่วโมง
ที่ จ.ชลบุรี วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีฝนตกหนักติดต่อกันกว่า 1 ชั่วโมง ทำให้มีปริมาณน้ำเอ่อท่วมพื้นที่ อ.บางละมุง สูงกว่า 90 เซนติเมตร ถนนเส้นหลัก รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านไปได้ โดยเฉพาะถนนเลียบทางรถไฟ ช่วงเขาตาโล ถึงวัดธรรมสามัคคี ถนนสุขุมวิท พัทยาใต้ ถนนเฉลิมพระเกียรติ ช่วงแยกเพนียดช้าง หรือแยกมุมอร่อย ถนนเลียบชายหาดพัทยา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตามจุดต่างๆ ได้เร่งประชาสัมพันธ์แจ้งเตือน ห้ามรถเล็ก จักรยานยนต์ สัญจรผ่านเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหาย
รถฝ่าฝนไถลตกร่องกลางถนน
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีรถยนต์หลายคัน เลือกจะฝ่ากระแสน้ำแทนการหลีกเลี่ยงเส้นทาง ส่งผลให้น้ำเข้าเครื่องยนต์ จนรถดับ ท่ามกลางมวลน้ำที่ท่วมสูงถึงฝากระโปรงรถ ได้รับความเสียหาย หนึ่งในนั้นคือ นายศุภชัย อายุ 21 ปี ที่ขับรถฝ่าฝนมากับแฟนสาว แต่ไม่ชำนาญเส้นทาง กระทั่งรถถูกกระแสน้ำพัดตกร่องน้ำข้างทาง ถนนเลียบทางรถไฟ ต้องรีบปีนกระจกรถออกมา แล้วเดินลุยน้ำสูงครึ่งเอวเพื่อเอาตัวรอด ปล่อยให้รถค่อยๆ จมน้ำไปต่อหน้าต่อตา
สตูลพบน้ำยังท่วมสูงหลายพื้นที่
ที่ จ.สตูล สถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่น้ำยังท่วมสูง แม้ว่ากระแสน้ำเริ่มลดลง โดยถนนสายหลัก เช่น ถนนสาย ต.ฉลุง อ.เมือง จ.สตูล มุ่งหน้า อ.ละงู น้ำเริ่มลด แต่การสัญจรยังยากลำบาก ส่วนบ้านพักที่ติดลำคลองใน ต.ย่านซื่อ อ.ควนโดน ต.บ้านควน ต.ฉลุง ต.เกตรี หมู่ 7 ต.คลองขุด และ ต.พิมาน ยังได้รับผลกระทบถูกน้ำท่วมสูงถงเกือบหน้าอก ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ได้เข้าให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบแล้ว ขณะที่สำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัยสตูล ประกาศให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และคลื่นลมแรง ระหว่างวันที่ 17-22 กันยายน 2567
ภูเก็ตฝนชุกส่งผลให้น้ำขัง8จุด
ที่ จ.ภูเก็ต ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง จนเกิดน้ำท่วมขังรอระบายใน อ.เมือง จ.ภูเก็ต รวม 8 จุด ทั้งนี้ ทางอำเภอเมืองภูเก็ต ได้จัดเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็ว ร้อย อส.เมืองภูเก็ต ลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำท่วม น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม ส่วนที่ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต มีรายงานน้ำท่วมที่หน้าวัดกะทู้ หน้าตลาดสี่กอกะทู้ หน้าไซม่อนคาบาเร่ต์ ป่าตอง และแจ้งให้เฝ้าระวังดินสไลด์ ในพื้นที่ ต.กมลา ขณะที่ อ.ถลาง ไม่มีรายงานว่ามีน้ำท่วมขัง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี