แรงงานเขมร/พม่า

ทะลักเข้าขอนแก่น

บัส2คันเกือบ1ร้อย

ผงะเอกสารถูกก.ม.

จนท.ขอนแก่น สนธิกำลัง ตรวจพบแรงงานต่างด้าว 2 คันรถบัส เกือบร้อยคน แรงงาน “เขมร-เมียนมา”ทะลักเข้าขอนแก่น เบื้องต้น พบเอกสารถูกต้อง รอทำงานร้านอาหารชื่อดัง ด้าน กกล.บูรพา สกัดจับ 14 แรงงานเถื่อนเขมรหนีความอดอยาก ลอบเข้าไทยหางานทำ

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายความมั่นคงจังหวัดขอนแก่นประกอบด้วยตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยว และจัดหางานจังหวัดขอนแก่น สนธิกำลังตรวจสอบตึกแถว3ชั้น เลขที่ 324/52 ทางเข้าหมูบ้านศิริพร 3 บ้านโนนม่วง ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น หลังมีสายรายงานว่ามีการขนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้ามาในพื้นที่จำนวนกว่า 2 รถบัส จากการตรวจสอบพบว่ามีแรงงานเมียนมาร์ 8 คนและแรงงานกัมพูชา 87 คนรอเข้าทำงานในร้านอาหารแห่งหนึ่งในจ.ขอนแก่น จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ขอดูเอกสาร พบว่าแรงงานต่างด้าวไม่มีเอกสารติดตัวโดยให้เหตุผลว่า นายจ้างเก็บเอกสารไปทำข้อมูล เจ้าหน้าที่จึงติดต่อนายจ้างให้นำเอกสารมายืนยันต่อเจ้าหน้าที่

จากการสอบถามแรงงานชาวเมียนมาร์เล่าว่าได้เดินทางเข้ามาถูกต้องตามกฎหมาย โดยจ่ายเงินเป็นค่าดำเนินการเข้ามาทำงาน 23,000 บาท โดยนายจ้างจะให้เงินเดือน13,000บาท หลังจากนั้นได้เดินทางเข้ามาในเดือนกันยายนโดยเดินทางไปที่กรุงเทพฯเพื่อเข้าไปฝึกอบรมเตรียมพร้อมการทำงาน เป็นเวลา 1 เดือน จากนั้นได้นำแรงงานชาวเมียนมาร์และกัมพูชา เดินทางมาที่ จ.ขอนแก่นเพื่อจะเข้าทำงานในร้านอาหารชื่อดังในจ.ขอนแก่น

นางอัจฉรา เจริญผล รักษาการแรงงานจังหวัดขอนแก่นกล่าวว่าจากนี้จะทำการตรวจสอบเอกสารยืนยันตัวตนและเอกสารอนุญาตทำงาน ว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โดยจะตรวจสอบทุกคน กลัวว่าจะมีแรงงานที่ไม่ถูกกฎหมายปะปนมา จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด เบื้องต้นตรวจสอบถือว่าถูกต้อง แต่ต้องตรวจสอบว่าทุกคนหรือไม่ เพราะบางคนอาจจะมีหนังสือเดินทางใบอนุญาตทำงาน แต่หน้าตาไม่ตรง จึงต้องตรวจอย่างละเอียด

ตรวจสอบพบเป็นแรงงานเมียนมาร์ 8 คน และ แรงงานกัมพูชา 87 คนหากพบว่ามีแรงงานที่ไม่มีเอกสารปะปนเข้ามาจะดำเนินการกับนายจ้างผู้นำพาต่อไป ถ้าตรวจพบกรณีเคลื่อนย้ายแรงงานมาในพื้นที่ ต้องมีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ เบื้องต้น นายจ้างยืนยันว่ามีเอกสารถูกต้องทุกคนจากนี้จะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้ามาตรวจแหล่งที่อยู่อาศัยว่าถูกตามหลักสุขอนามัยหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงานร้านอาหารชื่อดัง ได้นำเอกสารของแรงงาน มาแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่เพื่อทำการตรวจสอบต่อไป

วันเดียวกัน เวลา 09.30 น.พล.ต.เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา กกล.บูรพา ได้สั่งการให้ พ.อ.เฉลิมเกียรติ ศิริสมบูรณ์ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่112ร่วมกับ พ.ต.อ.ปาริชาติ บรรจงปรุ ผู้บังคับชุดควบคุมตำรวจตะเวนชายแดนที่12 นำกำลังพล กองร้อยเฉพาะกิจตำรวจตะเวนชายแดนที่1ออกทำการลาดตะเวนและเฝ้าตรวจป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายและการขนสินค้าผิดกฏหมายลักลอบเข้ามาในประเทศไทย ตามช่องทางธรรมชาติบริเวณชายแดนด้านอ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ตามนโยบายคุมเข้มตลอดแนวชายแดน ของ พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่1คนใหม่

ขณะที่กำลังพล ร้อย ฉก.ตชด.1 ลาดตระเวน มาถึงบริเวณบ้านคลองแผง ม.10 ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ได้ตรวจพบรถอีแต๊ก หรือรถไถนาเดินตามต่อพ่วงกระบะท้ายบรรทุกแรงงาน พร้อมกระเป๋าสัมภาระมาเต็มคันรถขับมาตามถนนการเกษตร(ถนนลูกรัง)จากแนวชายแดน มุ่งหน้าเข้าพื้นที่ชั้นใน เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจสอบพบ มีนายบัญชา อายุประมาณ45 ปีชาวบ้านใน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว เป็นผู้ขับขี่รถอีแต๊ก

เมื่อตรวจสอบบริเวณกระบะบรรทุกต่อพ่วงพบมีแรงงานกัมพูชานั่งโดยสารมาทั้งหมด14 คน เป็นชาย 7 คน และหญิง 7 คน พร้อมกระเป๋าสัมภาระตรวจสอบไม่พบหนังสือเดินทาง หรือเอกสารอนุญาตทำงานในประเทศไทยแต่อย่างใดซึ่ง1ในแรงงานกัมพูชาอ้างว่าหนีความอดอยากจากบ้านเกิดชักชวนกันลักลอบเข้าไทยเพื่อมาหางานรับจ้างทำ จากหารสอบถามนายบัญชารับว่าได้ลักลอบขนแรงงานกัมพูชาทั้ง14 คน มาจากแนวชายแดน เพื่อลักลอบเข้ามาทำงานรับจ้างทำงานไร่มันสำปะหลังในไทย เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งหมดพร้อมรถอีแต๊กของกลาง ไปส่งให้พนักงานสอบสวนสภ.ทัพไทย อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป