อุตุฯประกาศ พายุโซนร้อน “จ่ามี”เตือน 41 จังหวัด ฝนตกหนัก ช่วง 26-29 ตุลาคมนี้ พร้อมประกาศเข้าสู่ฤดูหนาวไทย ปี’67 เริ่ม 29 ตุลาคมนี้ สิ้นสุดช่วงปลาย ก.พ. 2568 ด้าน กทม.และปริมณฑลอ่วม ฝุ่นพิษเกินมาตรฐาน 36 พื้นที่

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม น.ส.สุกันยาณี ยะวิญชาญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ เรื่อง พายุ “จ่ามี” ฉบับที่ 4 ว่าพายุโซนร้อนกำลังแรง “จ่ามี” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 800 กิโลเมตร ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะไหหลำ ประเทศจีน มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 92 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก อย่างช้าๆ คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 26–28 ตุลาคม 2567 โดยพายุนี้จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย แต่จะทำให้มีลมฝ่ายตะวันตก ลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดเข้าหาศูนย์กลางของพายุมีกำลังแรงขึ้น

ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทย มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก กับมีลมแรงในช่วงวันดังกล่าว จากนั้นพายุจะเปลี่ยนทิศทางเคลื่อนตัวออกห่างจากชายฝั่งประเทศเวียดนาม กลับไปทางทะเลจีนใต้ตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ช่วงวันที่ 26–29 ตุลาคม 2567 ทำให้ภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม

จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ดังนี้ วันที่ 26 ตุลาคม 2567 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.เลย ชัยภูมิ และนครราชสีมา ภาคใต้ จ.พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ส่วนวันที่ 27 ตุลาคม 2567 ภาคเหนือ จ.อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.นครพนม มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม และสมุทรสาคร รวมทั้ง กทม.และปริมณฑล ภาคตะวันออก จ.นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ จ.ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

วันที่ 28-29 ตุลาคม 2567 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ภาคกลาง จ.กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม สมุทรสาคร รวมทั้ง กทม.และปริมณฑล ภาคตะวันออก จ.ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

น.ส.สุกันยาณี เปิดเผยว่า กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ประกาศการเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศไทย ปี 2567 คาดว่าจะเริ่มต้นในวันที่ 29 ตุลาคมนี้ และจะสิ้นสุดฤดูหนาวช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ตามเกณฑ์การพิจารณาการเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วย 1.อุณหภูมิต่ำสุดบริเวณประเทศไทยตอนบน อยู่ในเกณฑ์อากาศหนาวเย็นเกือบทั่วไป คือมีอุณหภูมิต่ำสุดน้อยกว่า 23 องศาเซลเซียส อย่างต่อเนื่อง 2.ลมระดับล่างที่ความสูงประมาณ 100-3,500 เมตร เป็นลมตะวันออกเฉียงเหนือหรือลมตะวันออก ส่วนลมระดับบนที่ความสูงประมาณ 5,000 เมตรขึ้นไป เป็นลมฝ่ายตะวันตก และ 3.ปริมาณและการกระจายของฝนบริเวณประเทศไทยตอนบนเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง จากสถิติถือว่าเริ่มต้นช้ากว่าค่าเฉลี่ยประมาณ 2 สัปดาห์

น.ส.สุกันยาณี เปิดเผยด้วยว่า ปีนี้โดยรวมอากาศจะหนาวเย็นกว่าปีที่ผ่านมา อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยบริเวณประเทศไทยตอนบน ประมาณ 20-21 องศาฯ จากปีที่ผ่านมา 21.6 องศาฯ โดย กทม.อุณหภูมิต่ำที่สุดจะอยู่ในช่วง 16-18 องศาฯ และปริมณฑลประมาณ 14-16 องศาฯ สำหรับช่วงเวลาที่มีอากาศหนาวเย็นที่สุด จะอยู่ในช่วงประมาณเดือนธันวาคม 2567 ถึงปลายเดือนมกราคม 2568 อุณหภูมิต่ำที่สุดประมาณ 6-8 องศาฯ ส่วนมากบริเวณตอนบนของทั้งภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะยอดดอยและยอดภู รวมทั้งเทือกเขาจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง

“ส่วนภาคใต้ จะมีอากาศเย็นบางแห่งในบางช่วง ส่วนมากตอนบนของภาค แต่ยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นต่อไป คลื่นลมในทะเลอ่าวไทยจะมีกำลังแรงเป็นระยะๆ และบางช่วงมีคลื่นสูง 2-3 เมตร สำหรับทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1-2 เมตร โดยช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม อาจจะมีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง หรือพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้หรือเคลื่อนผ่านอ่าวไทยและภาคใต้ ซึ่งจะทำให้มีฝนตกชุกหนาแน่นกับมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และหนักมากในบางแห่ง รวมทั้งคลื่นลมจะมีกำลังแรง และอาจมีคลื่นพายุซัดฝั่ง ความสูงของคลื่นประมาณ 3-5 เมตร” น.ส.สุกันยาณี กล่าว

ที่ จ.ตาก วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่ อ.อุ้มผาง ได้เกิดฝนตกอย่างหนักจนส่งผลให้เกิดดินสไลด์บริเวณหน้าโรงเรียนอุ้มผางวิทยาคม ต.อุ้มผาง อ.อุ้มผาง รถไม่สามารถสัญจรไปมาได้ นายอำเภออุ้มผาง ร่วมกับทางเทศบาล ต.อุ้มผาง ระดมกำลังเจ้าหน้าที่นับ 100 นาย ช่วยกันเคลียร์เส้นทางตลอดทั้งคืน เพื่อเร่งเปิดทางสัญจร จนรถยนต์และพาหนะต่างๆ สามารถใช้เส้นทางสัญจรได้แล้ว ทั้งนี้ ดินสไลด์ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับบ้านเรือนประชาชนและโรงเรียน รวมทั้งทรัพย์สินอื่นๆ แต่อย่างใด ส่วนดินสไลด์ดังกล่าวไหลลงมาจากดอยมูเลอร์ ซึ่งฝ่ายปกครอง ได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนถึงปัญหาดินสไลด์บนเส้นทางสาย อ.อุ้มผาง และ อ.แม่สอด แล้ว

ด้านศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กรมควบคุมมลพิษ รายงานการติดตามสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ตรวจวัดได้ระหว่าง 19.5-53.8 ไมโครกรัม (มคก.)/ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) พบเกินค่ามาตรฐาน 36 พื้นที่ และพบค่าสูงสุดอยู่ที่เขตหนองแขม จากการประเมินค่าฝุ่นละออง PM2.5 รายชั่วโมง ในพื้นที่ กทม.จะมีแนวโน้มที่สูงช่วงระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคมนี้ เนื่องจากมวลอากาศเย็นที่แผ่เข้ามาบริเวณทางตอนเหนือ และทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ส่งผลให้ กทม.เกิดสภาพอากาศปิด ฝุ่นละอองสะสมในชั้นบรรยากาศ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าประเทศไทยจะไม่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน “จ่ามี” โดยตรง แต่จะมีผลทำให้พื้นที่ กทม.กลับมีฝนตกอีกครั้ง ทำให้หลังจากวันที่ 27 ตุลาคมนี้ สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 จะบรรเทาลงไปได้ ประกอบกับสภาพทางอุตุนิยมวิทยา ที่มีการยกตัวที่ดีขึ้นร่วมด้วย