‘กฤษอนงค์’นอนคุก
ไร้ญาติยื่นประกัน
‘บิ๊กเต่า’ขอ10วัน
คดีรีด‘บอสพอล’
กองปราบฯหิ้ว “เจ๊พัช-กฤษอนงค์” ฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตฯ ข้อหา “กรรโชกทรัพย์-ตัวกลางเรียกรับเงิน” เจ้าตัวสีหน้าเรียบเฉย ไม่ตอบคำถามสื่อ ศาลอนุญาตฝากขังได้ ไร้ญาติยื่นประกัน ส่งเข้าเรือนจำ ด้าน “บิ๊กเต่า”ขอเวลา 10 วัน คดี “ฟิล์ม-กฤษอนงค์” ปมเรียกเงินดิไอคอน 20 ล้านบาท ส่วนนักการเมือง ส. พบเส้นทางเงินอีก 10 ล้านบาท จากบัญชีแม่
เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง ถ.เลียบทางรถไฟ ย่านตลิ่งชัน พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นำตัว น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือ ‘เจ๊พัช’ อายุ 47 ปี ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ ผู้ต้องหาคดี กรรโชกทรัพย์ และเป็นตัวกลางเรียกรับสินบน ของผู้บริหาร บริษัทดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งเเรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 18-29 พฤศจิกายน เนื่องจากยังต้องสอบปากคำพยานอีกหลายปาก รอผลการตรวจประวัติอาชญากร ผลตรวจพิสูจน์ของกลางและอื่นๆ
ไร้ญาติประกัน“เจ้พัช”นอนคุก
ทั้งนี้ ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวน บก.ป.ขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง หากปล่อยชั่วคราวเกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.20 น. พนักงานสอบสวน บก.ป. คุมตัวน.ส.กฤษอนงค์หรือเจ๊พัช ขึ้นรถตู้มาถึงศาลอาญาคดีทุจริตฯ ผู้สื่อข่าวสังเกตเห็นเจ๊พัช นั่งอยู่ด้านในสุด หลังคนขับ มีตำรวจหญิง 2 นาย นั่งประกบข้าง เจ๊พัชมีสีหน้าเรียบเฉย อิดโรย ทั้งนี้ หลังศาลอาญาคดีทุจริตฯ อนุญาตให้ฝากขังน.ส.กฤษอนงค์ หรือเจ๊พัชผู้ต้องหาคดีนี้แล้ว ไม่มีญาติ หรือทนายความของน.ส.กฤษอนงค์ ยื่นคำร้องและหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราวแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวน.ส.กฤษอนงค์ไปควบคุมไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง
ทนายบอสพอลแฉเจ้พัชขู่พยาน
ด้านนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ประธานบริหาร บริษัท ดิไอคอนฯ เปิดเผยว่า ทีมทนายความของบอสพอลยื่นคำร้องขอคัดค้านการประกันตัวของเจ๊พัช ผู้ต้องหาคดีนี้ ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหากรรโชกทรัพย์ และเป็นตัวกลางเรียกรับสินบน โดยเหตุที่ขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากพฤติกรรมของผู้ต้องหาจะ ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เพราะก่อนหน้าที่จะมีการจับกุมประมาณ 1 สัปดาห์ผู้ต้องหา ได้เปิดเผยพยานฝั่งบริษัท ดิไอคอนฯ ผ่านเฟซบุ๊ก ทำให้เกรงว่าถ้าได้ประกันตัวไปจะไปยุ่งเหยิงกับพยานอีก และยังพบพฤติกรรม ผู้ต้องหาเปิดเผยใบหน้าพยานในไลน์โอเพนแชท และโพสต์คำพูดในลักษณะคุกคาม ซึ่งทีมทนายความเก็บหลักฐานไว้ทั้งหมดแล้ว
บอสปันส่งทนายฟ้องเจ้พัช-ฟิลม์19พย.
ที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และพ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ประชุมพนักงานสอบสวนติดตามคดี 6 เรื่อง โดยพล.ต.ต.จรูญเกียรติเผยว่า การประชุมวันนี้ ประกอบด้วยเรื่องของน.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ 4 เรื่องคือ การเรียกรับเงิน 300,000 บาทกับ 450,000 บาท จนถูกออกหมายจับไปแล้ว เรื่องที่ 2 เป็นกรณีนายภูดิท กำเนิดพลอยหรือหนุ่ม กรรชัย พิธีกรรายการดัง ที่แจ้งความข้อหาหมิ่นประมาททั้งกับน.ส.กฤษอนงค์ และนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม
พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวต่อว่า เรื่องที่ 3 เป็นที่น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแจ้งความเอาผิดน.ส.กฤษอนงค์ เรื่องหมิ่นประมาท เรื่องที่ 4 เป็นกรณีน.ส.กฤษอนงค์ และฟิล์ม รัฐภูมิ ถูกกล่าวหาเรียกรับเงินจากนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล กับน.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือบอสปัน 20 ล้าน ซึ่งคดีนี้ผู้เสียหายจะมอบอำนาจให้ทนายความเข้าแจ้งความวันที่ 19 พฤศจิกายน ส่วนเรื่องที่ 5 เป็นกรณีนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ หรือ เอก สายไหมต้องรอด ที่คืบหน้าไปแล้วประมาณ 80-90% ถ้าไม่ติดปัญหาจะชัดเจนภายในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ ต้องหารือร่วมกับพล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.ก่อนว่าเนื้อหาในสำนวนยังขาดตกบกพร่องหรือไม่ แต่ยืนยันว่าจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย
พบเส้นเงินใหม่10ล.จากแม่โอนให้นายส.
พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวต่อว่า เรื่องที่ 6 เรื่องของนักการเมือง นาย ส.เสือ ซึ่งได้ข้อมูลใหม่เป็นการโอนเงินจากบัญชีแม่ของนาย ส.เสือ ไปถึงตัวของนาย ส.เสือกว่า 10 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2564-2567 อยู่ระหว่างตรวจสอบ ถ้าไม่มีผู้ร้องทุกข์แจ้งความก็อาจดำเนินการได้ในฐานะที่นาย ส.เสือ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐในช่วงหนึ่ง ก็จะเข้าข่ายความผิดคดีอาญาทุจริต ทั้งนี้ ต้องนำไทม์ไลน์การโอนเงินและระยะเวลารับตำแหน่งมาตรวจสอบอีกครั้ง ต้องขอเวลาให้ตำรวจทำงาน หากผลสรุปแล้วไม่สามารถดำเนินคดีได้ ก็จะเขียนเป็นรายงานสืบสวนส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ดำเนินคดีข้อหาฟอกเงิน
ขอ10วันสอบพยานคดีฟิล์ม-เจ้พัช
ด้านพ.ต.อ.เอนกกล่าวว่า ส่วนคดีของฟิล์ม รัฐภูมิและน.ส.กฤษอนงค์ กับเคสอื่นของน.ส.กฤษอนงค์นั้น ขอเวลาทำงาน 10 วัน เพราะต้องเก็บและสอบปากคำพยานและบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมหลายปาก โดยในส่วนที่เป็นคดีของบอสดิไอคอน หากมีใบมอบอำนาจมาแจ้งความก็ดำเนินการได้เลย อย่างไรก็ตาม ในส่วนนี้ถ้าแจ้งความ อาจเป็นส่วนนิติบุคคลในนามบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ซึ่งต้องมาถอดคลิปเสียงมาพิจารณา ถ้าพบเป็นการหลอกให้โอนเงิน 20 ล้านบาท ก็จะเข้าข่ายข้อหาพยายามฉ้อโกง แต่หากพบพูดข่มขู่ก็จะเข้าข่ายข้อหากรรโชกทรัพย์ ส่วนจะเป็นหมายเรียกหรือหมายจับต้องอยู่ในดุลพินิจการพิจารณาอีกครั้ง
ทนายกรรชัยให้ปากคำเพิ่มอ้างชื่อเรียก20ล.
ช่วงเที่ยงวันเดียวกัน ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความของนายภูดิท กำเนิดพลอย หรือ หนุ่ม กรรชัย รับมอบอำนาจมาให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน กรณีที่เคยแจ้งร่วมกันหมิ่นประมาทกับน.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ และ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ฟิล์มนายพรศักดิ์เผยว่า ตนมาพบพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมบางประเด็นที่ยังไม่ครบถ้วน พร้อมนำหลักฐานการโทรศัพท์ระหว่างหนุ่ม กรรชัย และฟิล์ม รัฐภูมิ 3 ครั้ง มามอบให้พนักงานสอบสวน เป็นการยืนยันว่าโทรคุยกันจริง หลังจากที่มีการนำไฟล์เสียงที่นำชื่อ หนุ่ม กรรชัย และรายการไปแอบอ้าง และเรียกรับเงินจากบอสดิไอคอน 20 ล้านมอบให้พนักงานสอบสวนแล้วในครั้งก่อน วันนี้เป็นการถอดคลิปไฟล์เสียงอย่างละเอียด
นายพรศักดิ์กล่าวต่อว่า คาดว่าจะเป็นการสอบปากคำเพิ่มเติมจากฝั่ง หนุ่ม กรรชัย เป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะเดินทางเข้าไปสอบปากคำ น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือ บอสปัน เพื่อให้เจ้าตัวยืนยันเรื่องคลิปเสียง และขั้นตอนต่อไปพนักงานสอบสวนจะนำคลิปเสียงไปตรวจพิสูจน์หลักฐานว่าเป็นคลิปจริงหรือตัดต่อไม่ หากครบขั้นตอนแล้วก็อาจออกหมายเรียกได้ เนื่องจากคดีนี้ไม่ได้ซับซ้อน ในส่วนเรื่องค่าเสียหาย ทางหนุ่ม กรรชัยยังไม่ได้เรียกร้อง แต่ต้องอีกครั้งว่าจะเรียกค่าเสียหายเอง หรือต้องรอเป็นไปตามสำนวนคดี ยืนยันว่าจะดำเนินคดีถึงที่สุดและไม่มีการยอมความแต่อย่างใด
อดีตตัวแทน‘ดิไอคอน’ร้องปลดอายัดบัญชี
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายจิราวัจน์ อายุ 50 ปี และนางสมหญิง อายุ 54 ปี พร้อมอดีตตัวแทนจำหน่ายของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด เกือบ 40 คน เดินทางเข้าร้องขอ พ.ต.ท.ราเชน แสงหมี รอง ผกก.(สอบสวน) กก.1บก.ปคบ. ให้ปลดอายัดบัญชี โดยระบุว่า ขณะนี้ทุกคนเดือดร้อนไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ โดยนายจิราวัจน์เผยว่า โดนอายัดบัญชี 2 บัญชี ทำให้ไม่สามารถใช้จ่ายได้ เดือดร้อนหนัก ถึงขั้นต้องไปยืมเงินแม่มาใช้จ่าย ทั้งนี้ ตนเป็นเพียงตัวแทนซื้อมาขายไปเท่านั้น รวมทั้งเลิกทำมาได้ 2 ปีแล้ว เช่นเดียวกับ นางสมหญิงเผยว่า ร่วมขายสินค้าเปิดดีลเลอร์อยู่ประมาณ 1 ปี นำสินค้าพวกกาแฟมาขายที่หน้าร้าน ขายได้เพราะมีลูกค้าเดิม หลังขายสินค้าหมดแล้วไม่ได้รับมาขายต่อ ตอนนี้เลิกทำธุรกิจนี้มาแล้ว 3 ปี แต่บัญชีกลับถูกอายัดทั้งหมด 9 บัญชีจาก 3 ธนาคาร มีเงินอยู่บัญชีละ 30,000-40,000 บาท ทำให้ตอนนี้เดือดร้อนมากๆ เงินสดที่มีอยู่ไม่พอใช้จ่ายในครอบครัว จึงอยากให้ตำรวจปลดอายัดบัญชี เพราะเดือดร้อนมากจริงๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี