กองปราบผัดฟ้อง'เชน ธนา'คดีฉ้อโกง 79 ล้าน เจ้าตัวให้การปฏิเสธสู้คดี

กองปราบผัดฟ้อง'เชน ธนา'คดีฉ้อโกง 79 ล้าน เจ้าตัวให้การปฏิเสธสู้คดี

วันพุธ ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567, 19.01 น.

กองปราบผัดฟ้อง"เชน ธนา"อดีตนักร้องดังกับภรรยาฉ้อโกง บ.ไทยยินตัน 79 ล้าน ใช้สัญญาซื้อขายหลอกลวง ส่งมอบผลิตภัณฑ์สินค้า เจ้าตัวให้การปฏิเสธสู้คดี

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่ศาลแขวงพระนครใต้ ถ.เจริญกรุง พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ได้ยื่นคำร้องผัดฟ้องผู้ต้องหาครั้งที่ 1 คดีที่มีการกล่าวหาบริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัดโดย นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ ,นายธนาตรัยฉัตร หรือเชน ภูโชคอนันต์ อดีตนักร้องชื่อดัง อายุ 37 ปี น.ส.กาลกัลยา ภูโชคอนันต์ อายุ 34 ปี  ภรรยาผู้ต้องหาที่ 1 - 3 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง


โดยคำร้องผัดฟ้องระบุพฤติการณ์ สรุปว่า เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 เวลา 14.00 น.พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1กองบังคับการปราบปราม (กก. 1 บก.ป.) ได้แจ้งข้อกล่าวหาบริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด โดย นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ ในฐานะ กรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก รวม 3 คน ฐาน ร่วมกันฉ้อโกง" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 341

พฤติการณ์ของคดี กล่าวคือ ก่อนเกิดเหตุ บริษัทไทยยินต้น จำกัด ประกอบกิจการนำเข้าสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น มาจำหน่ายในประเทศไทย และได้แจ้งจดทะเบียนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโปรโบโอติก ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ "ยินตัน บิฟิน่า อีเอ็กซ์" จากคณะกรรมการอาหารและยาตามกฎหมาย (อย.)

ต่อมาวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 นายธนาตรัยฉัตร  ผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด ผู้ต้องหาที่ 1 ได้สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชื่อ "ยินตัน บิฟิน่า อีเอ็กซ์" ( หรือ BIFINA สูตร EX ) จากบริษัท ไทยยินตัน จำกัด จำนวน 3,000,000 ซอง ราคาซองละ 19 บาท คิดเป็นเงินจำนวน 57 ล้านบาท โดยให้ผู้ต้องหาที่ 1เป็นผู้จัดจำหน่าย แต่เพียงผู้เดียว

ต่อมาวันที่ 1 มีนาคม2564 บริษัท ไทยยินตัน ฯ ได้เริ่มทยอยส่งมอบสินค้า ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมดังกล่าวให้แก่ผู้ต้องหาที่ 1 ครั้งที่ 1 จำนวน 85,000 ซองต่อมาวันที่ 1มีนาคม2564

ต่อมาได้รับการติดต่อจากนางกาลย์กัลยา ผู้ต้องหาที่ 3 แจ้งเรื่องสีของสินค้าว่ามีความแตกต่างจากตัวอย่างสินค้าที่บริษัทไทยยินตัน ฯนำเสนอไว้ ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก จึงได้อธิบายว่าสีของสินค้าที่ผู้ต้องหาที่ 1 ได้รับเป็นไปตามที่ ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

กระทั่งวันที่ 9 มีนาคม 2564 บริษัท ไทยยินตันฯได้ส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นครั้งที่ 2 จำนวน 315,000 ชอง และในวันเดียวกันผู้ต้องหาที่ 1ได้สั่งซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชื่อ " ยินตัน บิฟิน่า อีเอ็กซ์ " จำนวน 4,200,000 ซอง คิดเป็นเงินจำนวน 79,800,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งเวลาห่างจากการสั่งซื้อสินค้าครั้งที่ 1 เพียงประมาณ 1 เดือน

จากนั้นบริษัท ไทยยินตัน ฯ ได้ทยอยจัดส่งสินค้าตามคำสั่งสั่งซื้อ ครั้งที่ 1 จนครบจำนวน 3 ล้านซอง ในวันที่ 1 มิถุนายน2564

ต่อมาวันที่ 14 สิงหาคม 2564 บริษัท ไทยยินตัน ฯ ได้ขอยกเลิกสัญญาที่ผู้ต้องหาที่ 1 ว่าจะจ้างผลิตสินค้า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชื่อ ‘ยินตัน บิฟิน่า อีเอ็กซ์’ เนื่องจากมีสาระสำคัญที่ระบุไว้ในสัญญาไม่ตรงกับการดำเนินการทางธุรกิจระหว่างกัน ผู้ต้องหาที่ 1 จึงได้เสนอให้มีการจัดทำสัญญาซื้อขายฉบับใหม่ขึ้น โดยผู้ต้องหาที่ 1 เป็นผู้จัดทำสัญญา ฉบับลงวันที่ 15 สิงหาคม 2564 จากนั้น บริษัท ไทยยินตัน ฯได้ทยอยจัดส่งสินค้าตามคำสั่งซื้อ ครั้งที่ 2 จนครบจำนวน 4.2 ล้านซอง ในวันที่ 30 มีนาคม 2565

ต่อมาได้รับการติดต่อจากผู้ต้องหาที่ 3 เพื่อขอขยายการชำระเงินค่าสินค้า จากเดิม 30 วัน เป็น 90  วัน และจาก 90 วัน เป็น 120 วัน โดยจะครบกำหนด วันที่ 28 กรกฎาคม2565 ต่อมา ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ส่งหนังสือ ฉบับลงวันที่ 27 กรกฎาคม2565 มายัง บริษัทไทยยินตัน ฯ แจ้งว่ามีปัญหาเรื่องการรับรองเอกสารเกี่ยวกับลักษณะของสินค้า และอ้างปัญหาสถานการณ์โรคโควิด 19 ที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อสถานการณ์ประกอบธุรกิจ

ต่อมาบริษัท ไทยยินตัน ฯได้ส่งหนังสือแจ้งให้ผู้ต้องหาที่1 ผ่านการชำระเงินค่าสินค้า แต่ผู้ต้องหาที่ 1 กลับส่งหนังสือแจ้งมายังบริษัท ไทยยินตัน  อ้างว่าบริษัท ไทยยินตัน ฯผิดสัญญา เพราะได้พรรณาสรรพคุณของสินค้าไม่ตรงความเป็นจริง และแจ้งเตือนให้ บริษัท ไทยยินตัน ฯประเด็นเรื่องการผิดสัญญา

ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว บริษัท ไทยยินตัน ฯไม่เคยได้รับการติดต่อจากผู้ต้องหาที่ 1 กับพวกว่าสินค้าไม่ถูกต้องตามสัญญา และไม่เคยแจ้งเรื่องขอคืนสินค้า แต่อย่างใด บริษัท ไทยยินตัน ฯจึงเชื่อว่า ผู้ต้องหาที่ 1กับพวก ไม่ได้มีเจตนาทำสัญญาซื้อ-ขายสินค้ามาตั้งแต่แรก เพียงแต่นำสัญญาซื้อขายมาใช้เป็นวิธีการหลอกลวงให้บริษัท ไทยยินต้น ฯ ส่งมอบสินค้าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชื่อ "ยินตัน บิฟิน่า อีเอ็กซ์" เท่านั้น เป็นเหตุให้บริษัท ไทยยินตันฯ ได้รับความเสียหาย รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 79.8 ล้านบาท

ดังนั้นบริษัท ไทยยินตัน ฯ โดย นายนริศจึงมอบอำนาจให้ นายอานุภาพ ใจแสนภักดี ผู้กล่าวหาที่ 1แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีกับ ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก ตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

ต่อมา พนักงานสอบสวนได้รับหนังสือจากสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 4 (ยานนาวา) ที่ อส 0024,4/3015 ลงวันที่ 29กันยายน 2567 แจ้งให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการแจ้งสิทธิ แจ้งข้อกล่าวหา แจ้งข้อเท็จจริงให้แก่ผู้ต้องหาที่ 1-3, เนื่องจากพนักงานอัยการได้พิจารณาแล้วมีความเห็นสังฟ้อง ผู้ต้องหาที่ 1-3 ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกง

พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาที่ 1- 3 ทราบแล้ว และได้ปล่อยตัวไปโดยมิได้ควบคุม จึงไม่ได้นำตัวมาปรากฏต่อศาลด้วย 

ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสาม ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

เหตุเกิดที่ เมื่อระหว่างวันที่ 9 มีนาคม 2564  - 26  กันยายน2565 ต่อเนื่องกันที่บริษัท ไทยยินตัน จำกัด เลขที่ 232 ชอยสาธุประดิษฐ์ 57  ถนนสาธุประดิษฐ์ แขวงบางโพงพาง
เขตยานนาวา กทม.และ บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด เลขที่ 441/4 ถ.นาคนิวาส แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าวกทม. หลายท้องที่เกี่ยวพันกัน

การกระทำของผู้ต้องหาที่ 1-3 เป็นความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกง" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, และ 341 โดยพนักงานสอบสวนยังต้องรอผลตรวจประวัติลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ต้องหา จึงขออนุญาตผัดฟ้องผู้ต้องหาระหว่างสอบสวน มีกำหนด 6 วัน นับแต่วันที่ 20-25 พฤศจิกายนนี้

ภายหลังศาลแขวงพระนครใต้ รับผัดฟ้องผู้ต้องหา ครั้งที่ 1 เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ ผ.451/2567

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีศาลเเขวงสามารถผัดฟ้องได้ 5 ผัดๆละ 6 วัน รวม 30 วัน ถ้ายังไม่สามารถยื่นฟ้องผู้ต้องหาได้ทันก่อนครบกำหนดผัดฟ้อง หากอัยการมีคำสั่งยื่นฟ้องภายหลังจะต้องขออนุญาตอัยการสูงสุดเพื่อยื่นฟ้องต่อไป.
 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top