'กรมราชทัณฑ์'ออกหนังสือแจง ปมผู้ต้องขังเรือนจำระยอง แข่งชกมวยเสียชีวิต

'กรมราชทัณฑ์'ออกหนังสือแจง ปมผู้ต้องขังเรือนจำระยอง แข่งชกมวยเสียชีวิต

วันจันทร์ ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2567, 15.43 น.

9 ธันวาคม 2567 จากกรณี ภรรยาคาใจสามีโคม่าจนเสียชีวิต หลังร่วมกิจกรรมต่อยมวยผู้ต้องขัง บรรยากาศเรือนจำกลางระยอง ด้านกรมราชทัณฑ์ส่งหนังสือแจงแล้ว
 
น.ส.สุชาดา จุลมณฑล อายุ 26 ปี พร้อมญาติของผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาที่ รพ.ระยอง เพื่อติดตามผลชันสูตรของ นายจิรายุ บุญเพิ่ม อายุ 27 ปี เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.เมืองระยองมาร่วมด้วย แต่ก็ต้องเลื่อนออกไปพรุ่งนี้ เพราะต้องมีการเตรียมห้องผ่า เนื่องจากเพิ่งมีการผ่าศพติดเชื้อไป วันนี้จึงมาทำได้แค่ยื่นเอกสารประจำตัวของสามีเท่านั้น

ข่าวเพิ่มเติม : ชกมวยเรือนจำ! ญาติสุดเสียใจโดนด้อยค่า คนตายมีค่าตัวแค่ 2 แสน

ล่าสุดวันนี้ (9 ธ.ค) เวลา 12:00 น. ผู้สื่อข่าว เดินทางไปที่เรือนจำกลาง จ.ระยอง เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่า ตอนนี้ได้รายงานเรื่องไปถึงกรมราชทัณฑ์ แล้ว อยู่ในระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง ยังรอผลชันสูตรศพ ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน เรื่องดังกล่าว และรอให้ทางกรมราชทันฑ์ ออกหนังสือชี้แจง
 
ขณะเดียวกันทางกรมราชทัณฑ์ ได้ส่งหนังสือชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานจากเรือนจำกลางระยองว่า ได้ทำการแข่งขันมวยไทยในฝ่ายควบคุมแดน 7 เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 โดยเรือนจำฯ มีกระบวนการรับสมัคร โดยความสมัครใจของนักกีฬา มีผู้ต้องขังเข้าร่วมรับชมประมาณ 200 คน อยู่ในการควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ ก่อนการแข่งขันมีตรวจร่างกายตามมาตรฐานการชกมวยทุกขั้นตอน
 
โดยทุกคนค่าสัญญาณชีพเป็นปกติ ไม่มีอาการเจ็บป่วย ทั้งนี้ หลังจากการแข่งขัน ในยกที่ 2 ผู้ต้องขังรายดังกล่าว ถูกกรรมการผู้ตัดสินยุติการชกเนื่องจากสู้ไม่ได้ จึงได้พามาจุดพักนักมวย เพื่อดูอาการและวัดค่าสัญญาญชีพ ซึ่งระหว่าง นั่งพัก ผู้ต้องขังรายดังกล่าวมีอาการปวดศีรษะ อาเจียน จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตามลำดับ ซึ่งพัศดีเวรได้สั่งการให้นำตัวส่งไปยังสถานพยาบาลเรือนจำฯ และเวรพยาบาลเรือนจำฯ ได้ประสานกับแพทย์โรงพยาบาลบ้านค่าย ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแม่ข่าย มีความเห็นให้ส่งตัวผู้ต้องขังรายดังกล่าวออกไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลบ้านค่าย ซึ่งทางโรงพยาบาลฯ ได้ทำการตรวจและมีความเห็นให้ส่งต่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลระยอง และแพทย์ของโรงพยาบาลระยองได้รับตัวผู้ต้องขัง รายดังกล่าวไว้รักษาตัว เนื่องจากมีอาการเลือดออกในสมองฉับพลัน และเรือนจำฯ ได้ให้พยาบาลติดต่อญาติ เพื่ออธิบายอาการเจ็บป่วยและแนวทางการรักษา รวมทั้งให้ญาติเข้าเยี่ยมดูอาการผู้ต้องขังรายดังกล่าวเนื่องจากมีอาการขั้นวิกฤต โดยเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 เรือนจำกลางระยอง

โดยผู้บัญชาการเรือนจำกลางระยอง ได้เชิญญาติของผู้ต้องขังรายดังกล่าวไปดูการบันทึกภาพการแข่งขันชกมวยเรียบร้อยแล้ว และได้นำญาติเข้าไปในเรือนจำเพื่อพบ ผู้ต้องขังซึ่งเป็นเพื่อนและเป็นพี่เลี้ยงนักกีฬาของผู้ต้องขังรายนี้ ทั้งสองคนได้ยืนยันว่าไม่มีใครทำร้ายร่างกายผู้ต้องขัง รายดังกล่าวแต่อย่างใด และวันที่ 7 ธันวาคม 2567 เวลา 14.57 น. ได้รับแจ้งจากเวรควบคุมผู้ต้องขังป่วยโรงพยาบาลระยองว่า ผู้ต้องขังรายดังกล่าว ได้เสียชีวิตลง ทางเรือนจำฯ ได้ประสานงานกับพนักงานสอบสวนในการชันสูตรพลิกศพ และในวันที่ 9 ธันวาคม 2567 เวลา 14.00 น. เรือนจำกลางระยอง ได้ให้ความช่วยเหลือและเป็นเจ้าภาพจัดการงานศพ และขอแสดงความเสียใจกับ การสูญเสียในครั้งนี้ เพื่อให้ความจริงเป็นที่ยุติ เรือนจำฯ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเชิญ เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองจังหวัด และนิติกรสำนักงานยุติธรรมจังหวัด ซึ่งเป็นหน่วยงานภายนอกร่วมเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กำหนดแล้วเสร็จและรายงานผลภายใน 15 วัน ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ จะได้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง อีกชั้นหนึ่ง พร้อมทั้งหามาตรการการป้องกันที่ดีที่สุดต่อไป โดยกรมราชทัณฑ์ ส่งเสริมให้กีฬาชกมวยเป็นการพัฒนาพฤติ นิสัยผู้ต้องขังด้านหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็น Soft Power ที่จะสามารถนำไปต่อยอด สร้างงาน สร้างอาชีพภายหลังพ้นโทษได้อีกด้วย
 
 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top