อุกอาจยิงดับ สจ.โต้ง ปราจีนบุรี

จับ‘สุนทร.วิลาวัลย์’

ร่วมกัน 7 คนสังหารโหดคาบ้าน

โยงปมการเมืองท้องถิ่น

ผบ.ตร.สั่งฟันข้อหาหนัก

ยิงดับ สจ.โต้ง ปราจีนบุรี อดีต ส.อบจ.และโปรโมเตอร์มวยชื่อดัง ดับสยองคาบ้านพักโกทร-สุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี ตำรวจรวบตัวพร้อมสมุนรวม 7 คน ยึดอาวุธปืน แจ้งข้อหาหนัก คาดปมขัดแย้งการเมืองท้องถิ่น ด้าน ผบ.ตร.สั่ง “บิ๊กอ้อ”นำทัพกองปราบ ลงพื้นที่ร่วมสางคดี ชี้ใครมีเอี่ยวฟันหมด

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงค่ำวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตที่บ้านพักของนายสุนทร วิลาวัลย์ หรือโกทร นายก อบจ.ปราจีนบุรี และอดีต รมช.สาธารณสุขและนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ อดีต รมช.ศึกษาธิการ ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองปราจีนบุรี ถนนแจ้งพัฒนา ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ภายหลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รักษาราชการแทนผบช.ภ.2 พร้อมคณะได้เดินทางลงพื้นที่เข้าตรวจสอบเหตุด้วยตนเอง

ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบร่างผู้เสียชีวิตถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบขนาด ทราบชื่อต่อมาคือ นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงษ์หรือนายเต็มพงษ์ ฤทธิ์เดชหรือ สจ.โต้ง ปราจีนบุรี อายุ 49 ปี อดีต ส.อบจ.คนดังและยังเป็นโปรโมเตอร์มวยผู้กว้างขวาง มีศักดิ์เป็นลูกบุญธรรมและคนสนิทของนายสุนทร โดยเหตุเกิดภายหลังมีการเรียกประชุมนักการเมืองระดับท้องถิ่นในสนามการเลือกตั้ง ส.อบจ.เพื่อวางตัวผู้สมัครในแต่ละเขตเลือกตั้งที่กำลังจะหมดวาระลงในวันที่ 19 ธันวาคมนี้ จนเกิดเหตุสลดขึ้น

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว ทางตำรวจ ภ.จว.ปราจีนบุรี ได้คุมตัวผู้ต้องสงสัย ผู้เกี่ยวข้อง พร้อมกับพยานในที่เกิดเหตุ โดยพาตัวทั้งหมดไปสอบปากคำที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี ขณะที่ พล.ต.ต.ภูมินทร์ สิงหสุต ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี ได้จัดกำลังเข้าตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน อย่างละเอียด

พล.ต.ท.ยิ่งยศกล่าวต่อว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงประมาณ 20.30 น.วันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา เบื้องต้นทราบว่าก่อนเกิดเหตุ สจ.โต้ง พร้อมพวก ได้เข้าไปในบ้านนายสุนทร ก่อนกลับออกมา แล้วกลับเข้าไปใหม่ จากนั้นจึงมีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ก่อนจะพบว่า สจ.โต้งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ โดยมีการคุมตัวผู้ต้องสงสัยพร้อมอาวุธปืนลูกซอง 1 กระบอก อาวุธปืนขนาด 9มม.1 กระบอก พร้อมเชิญผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ คนที่อยู่ในบ้านรวมถึงนายสุนทร ไปสอบปากคำแล้ว ทั้งนี้ ขอเวลาเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทุกมิติ จะแจ้งความคืบหน้าอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม หากพบว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดจะไม่มีการละเว้น จะต้องดำเนินคดีทุกราย

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเหตุการณ์อุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญเกิดผลกระทบในเชิงสังคมต่อภาพลักษณ์ของ จ.ปราจีนบุรีอย่างมาก ทาง ผบ.ตร.จึงสั่งกำชับใช้ตนเข้ามาดูแลควบคุมการปฏิบัติ และประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ให้ร่วมมือกันทำในเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา และเอาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษดำเนินคดีให้ถึงที่สุด” พล.ต.ท.ยิ่งยศกล่าว

พล.ต.ท.ยิ่งยศกล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยทั้งหมด 7 คน ไปยังที่ สภ.เมืองปราจีนบุรีตลอดจนเชิญพยานแวดล้อมอีก 2-3 ปาก เพื่อไปให้ปากคำด้วย ซึ่งยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำ ขณะที่ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี รอง ผบก.และ ผกก.สืบสวนภ.จว.ปราจีนบุรี และกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ได้ลงมาร่วมปฏิบัติงานในพื้นที่อย่างเต็มกำลังหลายสิบนาย เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างราบรื่น รวดเร็วและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ด้านพล.ต.ต.ภูมินทร์ สินหสุต ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุเป็นการนัดกันมาพูดคุยเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งอาจจะเป็นความขัดแย้งที่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองท้องถิ่น หรือเรื่องอะไรต่างๆ นั้น ทั้งหมดจะอยู่ในสำนวนคดี โดยรายละเอียดยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำ อย่าเพิ่งไปลงในรายละเอียด ขณะที่อาวุธที่พบในที่เกิดเหตุมีปืนหลายกระบอก ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมอีกทีว่าได้มากี่กระบอก

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.ยิ่งยศ ปฏิเสธว่าไม่ใช่อาวุธสงคราม และยังอยู่ระหว่างการรวบรวมวัตถุพยานทั้งหมด เพื่อนำไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ หาความเชื่อมโยงทางคดี ขณะนี้จึงยังไม่ขอพูดในเรื่องของรายละเอียดเกี่ยวกับอาวุธ ซึ่งในที่เกิดเหตุนั้นมีผู้เสียชีวิต 1 รายโดยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

มีรายงานว่าภายหลังเกิดเหตุได้มีการเผยแพร่คลิปเสียงสนทนาระหว่างผู้เสียชีวิตกับนายก อบจ.ที่มีลักษณะเหมือนมีการต่อรองเกี่ยวกับการลงเลือกตั้งท้องถิ่นจนมีการทะเลาะกันอย่างรุนแรง

ขณะที่ พ.ต.อ.ประสงค์ ศิริทิพย์วานิช รอง ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้พิจารณาแจ้งข้อหานายสุนทร พร้อมพวกรวม 7 คน ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีการสอบปากคำไปแล้ว 3 ปากแต่ยังมีพยานอื่นๆอีกมาก และพยานแวดล้อม 4 ปาก โดยผู้บังคับบัญชาได้กำชับแบ่งทีมกันสอบวางประเด็นการดำเนินการ โดยทีมสืบสวนได้เก็บกล้องวงจรปิด หาพยานที่เกี่ยวข้อง ส่วนการปราบปรามมีการกำหนดจุดตรวจจุดสกัดไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซ้อน ตรวจค้นอาวุธปืน วัตถุระเบิดและกระสุนปืนอย่างเข้มงวด

“ขณะนี้ทนายความได้เข้าร่วมรับฟังการสอบสวนทั้งหมด โดยเฉพาะนายสุนทร มีทนายส่วนตัว ส่วนผู้ต้องหาเป็นทนายจัดหา โดยเจ้าหน้าที่ได้คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากเกรงไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานเพราะเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพล จากการตรวจค้นบ้านที่เกิดเหตุพบอาวุธปืนอีกจำนวนมาก จึงต้องคัดค้านการประกันตัว โดยการควบคุมตัวที่โรงพักเป็นเวลา 48 ชั่วโมง และจะคุมตัวส่งศาลจังหวัดปราจีนบุรี ฝากขังในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ ในช่วงเช้า” พ.ต.อ.ประสงค์ กล่าว

เวลา 12.00 น.วันเดียวกัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ผบ.ตร.กล่าวถึงความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของสจ.โต้ง ปราจีนบุรี ว่าขณะนี้ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.นำทีมตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) และหน่วยอื่นๆในสังกัด บช.ก.ลงพื้นที่ร่วมสนับสนุนการสืบสวนทางคดี เพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงเนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ เป็นการก่อเหตุโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีผู้บงการสั่งตายหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ตอบว่า อยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งจะเร่งพิสูจน์ทราบให้ได้โดยเร็ว ขอให้พนักงานสอบสวนได้ทำงานก่อน แต่เบื้องต้นจะยื่นคัดค้านประกันตัว เมื่อดูจากข้อมูลที่ได้รับ เชื่อว่าเป็นการยิงจากฝ่ายเดียว และไม่พบอาวุธปืนสงคราม พบเพียงปืนลูกซองกับปืนพก

ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีคลิปเสียงการโต้เถียงกันของผู้เสียชีวิตกับตัวนายก อบจ.ก่อนเกิดเหตุว่าอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนที่อ้างว่าเจ้าตัวขึ้นไปนอนก่อนแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นลูกน้องเป็นคนลงมือยิงเองนั้น ก็เป็นสิทธิ์ของเจ้าตัวจะอ้างหรือพูดอะไรก็ได้ แต่ข้อเท็จจริงทางคดีขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ส่วนจะมีการเตรียมคำให้การกับลูกน้องหรือไม่ ก็ไม่ได้กังวล เพราะพยานหลักฐานจะทำให้ข้อเท็จจริงปรากฏ

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ก่อนเกิดเหตุ สจ.โต้ง เข้าไปในบ้านของกลุ่มผู้ก่อเหตุเพียงลำพัง หรือมีลูกน้องติดตามเข้าไปด้วยพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ตอบว่าในส่วนนี้ขอไม่เปิดเผย แต่ยืนยันว่าจะทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา ไม่มีประวิงเวลา หรือช่วยเหลือใคร ถึงแม้จะเป็นนักการเมืองท้องถิ่นก็ตาม ที่ผ่านมาประชาชนในพื้นที่รู้อยู่แล้วว่าใครเป็นใคร ไม่มีเอนเอียงหรือช่วยเหลือผู้มีบารมีหรือคนที่เกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น