แก๊งพม่าลักลอบขุดเจาะภูเขาป่าต้นน้ำชั้น 1 A ร่อนหาทองคำคอตก ศาลจังหวัดทองผาภูมิ พิพากษา จำคุก 2 คดีรวด คดีแรก จำเลย 1 คน คุก 6 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ 56,010 บาท คดีที่ 2 จำเลย 5 คน จำคุกคนละ 7 ปี 4 เดือน ไม่รอลงอาญา ชดใช้ 12,800 บาท พร้อมดอกร้อยละ 5 ต่อปี
วันที่ 15 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีคณะพนักงานเจ้าหน้าที่ตามคำสั่งอำเภอทองผาภูมิ ที่ 329/2567 ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานการป้องกันและแก้ไขปัญหาการลักลอบขุดดินเพื่อร่อนหาแร่ทองคำในพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ ภายใต้การอำนวยการของนายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ พ.อ.พรรณศักย์ เพรียวพานิช ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.อ.ปิยะเณศร์ ภัทรศาศวัตวงษ์ รอง.ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ร.ต.ธนโชติ หุ้มแพร ผบ.มว.ลว.ส่วน ลว.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์
ได้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าจับกุมขบวนการลักลอบขุดเจาะภูเขาผืนป่าลุ่มน้ำชั้น 1A ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ และป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาช้างเผือก ท้องที่ป่าบ้านปิล๊อกคี่ หมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จับกุมผู้กระทำความผิดได้หลายคดี ผู้ต้องหาหลายคน ของกลางรวมกันกว่า 200 รายการ เหตุการณ์เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี พ.ศ.2567
ทั้งนี้ นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เปิดเผยว่า ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น.ศาลจังหวัดทองผาภูมิ ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีหมายเลขดำที่ สวอ 13/2568 คดีหมายเลขแดงที่ สวอ 8/2568 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ (โจทก์) และนายต้น (ไม่มีนามสกุล)ชาวพม่า จำเลย ในความผิด ต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ ความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ และความผิดต่อพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ
ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิด สั่งลงโทษจำคุก 6 ปี โดยไม่รอลงอาญา แต่จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษจำคุกให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 3 ปี ให้ริบของกลาง 3 รายการ และให้ชดใช้ค่าเสียหาย เป็นเงิน 56,010 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ให้กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นับแต่วันที่ 15 มกราคม 2568 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ
อีก 1 คดี ศาลจังหวัดทองผาภูมิ นัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีหมายเลขดำที่ สวอ 29/2568 คดีหมายเลขแดงที่ สวอ สวอ31/2568 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ (โจทก์) และนายซอคอปะ (ไม่มีนามสกุล)จำเลยที่ 1 นายเค่อพลี่ (ไม่มีนามสกุล)จำเลยที่ 2 นายโซดา (ไม่มีนามสกุล)จำเลยที่ 3 นายเล็ก (ไม่มีนามสกุล)จำเลยที่ 4 และนางเอซีพอ (ไม่มีนามสกุล)จำเลยที่ 5 ทั้งหมดเป็นชาวพม่า
ในความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ ความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ ความผิดต่อพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ ความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน และความผิดต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง
ซึ่งศาลจังหวัดทองผาภูมิ มีคำพิพากษาว่า จำเลยทั้งห้าร่วมกันเข้าไปครอบครองพื้นที่เกิดเหตุ ที่ถูกแผ้วถางซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาช้างเผือก อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ และเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำ และพื้นที่คุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ มีเนื้อที่ 14 ไร่ 1 ตารางวา และถือว่าจำเลยทั้งห้า แผ้วถางป่าพื้นที่เกิดเหตุ การกระทำของจำเลยทั้งห้า จึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 และมาตรา 72 ตรี วรรคสอง ประกอบมาตรา 55
ฐาน “ร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 และมาตรา 31 วรรคสอง (3)
ฐาน “ร่วมกันยึดถือ ครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 19 (1) และมาตรา 41 วรรคสอง
ฐาน “ร่วมกันยึดถือหรือครอบครองที่ดิน แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพธรรมชาติไปจากเดิมในพื้นที่ลุ่มน้ำ ชั้นที่ 1 ภายในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามมาตรา 19 (2) และมาตรา 42 วรรคหนึ่ง
ฐาน “ร่วมกันเก็บหา กระทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่ง ดิน หิน กรวด ทราย แร่ หรือทรัพยากรอื่น หรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามมาตรา 19 (6) และมาตรา 44
ฐาน “ร่วมกันเข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่”มาตรา 19 (7) ประกอบมาตรา 45
ฐาน “ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์ หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ตามมาตรา 7 และมาตรา 72 วรรคหนึ่ง
ฐาน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 11, 62 วรรคหนึ่ง, 81
ฐานเป็นคนต่างด้าวไม่เดินทางเข้าหรือออกนอกราชอาณาจักร ตามช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต และกระทำความผิดฐานเป็นคนต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
ซึ่งศาลจังหวัดทองผาภูมิ พิพากษา จำคุกจำเลยทั้ง 5 คนละ 7 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา แต่จำเลยทั้งห้าให้การยอมรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาล จึงมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก คนละ 3 ปี 8 เดือน และให้จำเลยทั้ง 5 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นเงิน จำนวน 12,800 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันที่ 28 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ ส่วนของกลาง 17 รายการ ให้ริบเป็นของแผ่นดิน
นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เปิดเผยว่า ที่ผ่านอำเภอทองผาภูมิ ได้มีการประกาศ เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามการลักลอบขุดดินเพื่อร่อนหาแร่ทองคำ ลงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ประกาศอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เรื่อง มาตรการป้องกันปราบปรามอย่างเข้มข้น ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 และประกาศอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เรื่อง ห้ามใช้เส้นทางบ้านปิล๊อกคี่ - ช่องทางป่าหมาก ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 และได้ปิดประกาศประชาสัมพันธ์ ทั้งในพื้นที่หมู่บ้านปิล๊อกคี่ และสถานที่ราชการแล้ว
ดังนั้น อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ขอประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มบุคคลที่แอบลักลอบเข้าไปบุกรุก แอบขุดดินในแปลงตรวจยึดในคดีดังกล่าว หากถูกเจ้าหน้าที่จับกุมจะถูกลงโทษตามกฎหมายซึ่งมีความรุนแรง ถูกตัดสินจำคุกไม่รอลงอาญา หากพบการกระทำความผิดอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิจะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างเฉียบขาดต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี