นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของด่านกักสัตว์ ต.ครึ่ง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ซึ่งเป็นจุดที่ใช้ในการส่งออกสัตว์มีชีวิต ได้แก่โค กระบือ สุกร และแพะ บนเส้นทางแม่น้ำโขง ไปยังประเทศลาว เมียนมา และจีน โดยเป็นร่องน้ำลึกสามารถขนส่งสินค้าได้ตลอดปี โดยกรมปศุสัตว์ มุ่งพัฒนาช่องทางการส่งออกดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพและมีปริมาณการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ไปยังต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถป้องกัน เฝ้าระวัง และควบคุมโรคระบาดสัตว์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการสนับสนุนงบประมาณในการจัดซื้อเวชภัณฑ์ น้ำยาฆ่าเชื้อ และวัสดุวิทยาศาสตร์

นอกจากนี้ สมาคมส่งเสริมการปศุสัตว์ จ.เชียงราย ยังสนับสนุนค่าสาธารณูปโภค (น้ำและไฟฟ้า) การทำความสะอาดพื้นที่และสิ่งก่อสร้าง ได้แก่ คอกพักสัตว์ท่าขึ้น-ลงสัตว์ อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ มุ่งมั่นที่จะยกระดับท่าปศุสัตว์เชียงแสน เพื่อรองรับการเป็นท่านำเข้า–ส่งออกสินค้าปศุสัตว์ ตามมาตรฐานสากลและถูกต้องตามระเบียบของกรมปศุสัตว์ ต่อไป

จากนั้นนายอิทธิ ได้เดินทางไปท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน หมู่ 10 ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ที่เป็นท่าเรือสำหรับการส่งออกสัตว์มีชีวิตและสินค้าปศุสัตว์ เนื้อสัตว์แช่แข็งบนเส้นทางแม่น้ำโขงไปยังประเทศลาวเมียนมา และจีน ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์ พร้อมที่จะพัฒนาช่องทางการส่งออกให้มีประสิทธิภาพไม่เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเพิ่มปริมาณการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ไปยังต่างประเทศให้เพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ รมช.เกษตรฯ ได้พบปะและรับฟังปัญหาจากกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์นำเข้าและส่งออก ที่สวนลุงดี UncleDee (สถานที่บ่มซากและตัดแต่งของวิสาหกิจชุมชนเครือข่ายโคเนื้อล้านนา) ภายใต้บริษัท ลานนา บีฟ จำกัด ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นวิสาหกิจชุมชนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อบริหารการดำเนินงานของเครือข่ายโคเนื้อล้านนา จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2560 มีสมาชิกเครือข่ายทั่วประเทศ มีความตั้งใจพัฒนาระบบการเลี้ยงโคเนื้อให้เข้าสู่ระบบอุตสาหกรรม การผลิตโคเนื้อคุณภาพให้สามารถต่อสู้กับการค้าเสรีโคเนื้อ (FTA) กับต่างประเทศได้ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์โคเนื้อคุณภาพ ด้วยโคเนื้อสายพันธุ์บีฟมาสเตอร์ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่เลี้ยงง่าย โตเร็ว อัตราการแลกเนื้อดี เหมาะกับสภาพอากาศของประเทศไทย

ทั้งนี้ เครือข่ายโคเนื้อล้านนา ได้เข้าร่วมโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตและการตลาดโคเนื้อรองรับ FTA ซึ่งได้รับการสนับสนุนเงินกู้จากกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคการเกษตร (FTA) ในการพัฒนาศักยภาพการผลิตและการตลาดของเครือข่าย โดยเครือข่ายฯ ได้ส่งโคขุนให้แก่บริษัท พรีเมี่ยม บีฟ และบริษัท ลานนา บีฟ จำกัด เป็นตลาดปลายทางของเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนโคเนื้อล้านนาที่รับซื้อโคเนื้อจากเครือข่ายฯ และนำไปเข้าเชือดที่โรงฆ่าสัตว์ของสหกรณ์โคขุนดอกคำใต้ จำกัด จ.พะเยา (โรงฆ่าสัตว์จากงบกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2) และนำซากกลับมาบ่มและตัดแต่งที่บริษัทฯ เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์