คดี “หมอบุญ” พร้อมเร่งประสานนานาชาติ ช่วยติดตามตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย

27 พ.ค 67 ที่กระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ยังกล่าวถึงกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้โอนสำนวนคดีนายแพทย์บุญ มาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ว่า ตนได้รับรายงานจากอธิบดีดีเอสไอแล้วว่า ตำรวจได้โอนสำนวนคดีมา แต่เนื่องด้วยเป็นคดีที่มีพยานหลักฐานพยานเอกสารจำนวนมาก จึงต้องขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาร่วมทำสำนวนด้วยกับดีเอสไอ เนื่องจากยังมีบางส่วนของผู้ต้องหาถูกฝากขังอยู่ จึงจะมีลักษณะคล้ายคดีดิไอคอนฯ ที่เจ้าหน้าที่หรือพนักงานสอบสวนต้องเร่งทำสำนวนให้ทันระยะเวลาครบกำหนดฝากขังของผู้ต้องหา และถ้าหากอัยการมีการสั่งสอบสวนเพิ่มเติม หรือมีการร้องขอความเป็นธรรม ก็จะต้องดำเนินการให้ครบถ้วน

อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่นายแพทย์บุญยังคงหลบหนีอยู่นั้น หากมีความจำเป็นจริง ๆ ก็จะขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินการในส่วนของผู้ที่ถูกฝากขังอยู่ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ส่วนนายแพทย์บุญ เจ้าหน้าที่ยังสามารถมีเวลารวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ ทั้งนี้ เมื่อดีเอสไอรับคดีหมอบุญเป็นคดีพิเศษแล้ว จะให้มีการเชิญพนักงานอัยการ สำนักงานการสอบสวน มาเป็นที่ปรึกษาในคดีหรือไม่นั้น อยู่ที่ดุลพินิจของพนักงานสอบสวน แต่ตามหลักการแล้วก็ควรจะมาร่วมเป็นที่ปรึกษาเหมือนกับคดีดิไอคอนฯ เพราะถ้าอัยการมาเป็นที่ปรึกษาในคดีก็จะได้ดูความรอบคอบของสำนวนด้วย แต่การมาของอัยการจะมีการใช้ดุลพินิจที่เป็นกลาง

ส่วนที่สังคมจับตาอยากรอดูภาพการติดตามจับกุมตัว “นายแพทย์บุญ” เหมือนครั้ง “แป้ง นาโหนด” ที่กระทรวงยุติธรรมและดีเอสไอไปรับตัวจากทางการอินโดนีเซียนั้น ต้องยอมรับว่าวันนี้ประชาชนเดือดร้อนเยอะ และกลุ่มประเทศในประชาคมอาเซียนก็ได้มีการยกระดับความร่วมมือกันในการจับกุมผู้ต้องหาในคดีอาชญากรรมข้ามชาติต่าง ๆ