รายงานพิเศษ : เคาท์ดาวน์ราชบุรี 2025 นทท.โฟกัส ‘สะพานคานขึงรถไฟ’  แห่งแรกในประเทศไทย แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเมืองราชบุรี

รายงานพิเศษ : เคาท์ดาวน์ราชบุรี 2025 นทท.โฟกัส ‘สะพานคานขึงรถไฟ’ แห่งแรกในประเทศไทย แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเมืองราชบุรี

วันอังคาร ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567, 06.00 น.
Tag :

ภาพมุมสูงซึ่งบันทึกโดนอากาศยานไร้คนขับ บรรยากาศการประดับไฟแสงสี ตลอดแนวเขื่อนรัฐประชาพัฒนาแม่น้ำแม่กลอง เขตเทศบาลเมืองราชบุรี ตั้งแต่หน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี จนถึง สะพาน 3 ยุค ข้ามแม่น้ำแม่กลอง ระยะความยาว 1 กิโลเมตร เพื่อร่วมเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่า 2567 ต้อนรับปีใหม่ 2568 และที่เป็นไฮไลท์และสร้างความฮือฮาให้กับบรรดานักท่องเที่ยว และ ชาวราชบุรี เมื่อทางการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เปิดไฟส่องสว่างบน “สะพานคานขึงรถไฟ” แห่งแรกในประเทศไทย และเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเมืองราชบุรี ซึ่งมีความยาว 340 เมตร เป็นสีเหลืองทองสว่างไสว ทั้ง 2 ฟากฝั่ง และมีความสวยงามไม่แพ้กับสะพานขึงในกรุงเทพมหานคร ซึ่งทางเทศบาลเมืองราชบุรี ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ร่วมกัน จัดขึ้นเพื่อสร้างความสุขให้ชาวราชบุรี และนักท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่

นายศักดิ์ชัย พิศาลผล นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี กล่าวว่า เทศกาลส่งความสุขสุดท้ายของปีเพื่อต้อนรับก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ 2568 ทางเทศบาลเมืองราชบุรี ได้ประดับไฟ
แสงสีบริเวณริมเขื่อนรัฐประชาพัฒนาแม่น้ำแม่กลองตลอดแนวตั้งแต่ที่บริเวณหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี ยาวไปจนถึงสะพาน 3 ยุค ราชบุรี โดยมีการจัดซุ้มอุโมงค์ไฟ และซุ้ม HAPPY NEW YEAR 2025 และซุ้มกล่องของขวัญ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายภาพกัน นอกจากนี้ ยังมีถนนคนเดินตลาดเก่าโคยกี๊ที่มีการออกมาจำหน่ายสินค้า และของกินในช่วงเย็นไปจนถึงสี่ทุ่ม และยังมีรถฟู้ดทรัคที่นำอาหาร เครื่องดื่มมาให้บริการนักท่องเที่ยว ส่วนในคืนเคาท์ดาวน์ ในงานยังมีไฮไลท์การแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินยุค 90 อาทิ คุณเท่ห์ อุเทน, ตุ๊ก วิยะดา, สปาย ภาสกร (โกลเด้นซอง ซีซั่น1) และ คุณบุญโทน คนหนุ่ม และน้องลดา อาร์สยาม 2 พ่อ-ลูกที่จะมาแหล่อวยพรปีใหม่ นับถอยหลังเคาท์ดาวน์


นายศักดิ์ชัย พิศาลผล นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี กล่าวต่อว่า และที่เป็นไฮไลท์เลยคือ ทางการรถไฟแห่งประเทศไทยได้เปิดไฟสะพานคานขึง ซึ่งมีความสวยงามไม่แพ้สะพานขึ้นในกรุงเทพมหานคร มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาถ่ายภาพบันทึกคลิป และ รีวิวกันจำนวนมาก

ซึ่งทางรถไฟเมืองราชบุรี จัดเป็นทางรถไฟหลวงสายตะวันตกของสยามก่อนจะผนวกรวมเป็นทางรถไฟสายใต้ในปัจจุบัน สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงโยธาธิการ ซึ่งมีกรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบในการก่อสร้าง เริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนเมษายน 2443 แล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2445 เส้นทางการเดินรถ เริ่มตั้งแต่สถานีบางกอกน้อย ตรงไปทางตะวันตกใกล้แนวคลองมหาสวัสดิ์ ข้ามแม่น้ำท่าจีนที่สะพานเสาวภา ไปจนถึงฝั่งแม่น้ำแม่กลองที่บ้านโป่ง เลี้ยวลงไปทางทิศใต้เลียบใกล้ฝั่งแม่น้ำและข้ามแม่น้ำแม่กลองที่ช่วงเมืองราชบุรี ที่สะพานจุฬาลงกรณ์ แล้วตรงไปตามทางจนถึงเมืองเพชรบุรี รางรถไฟมีความกว้าง 1 เมตร และมีความยาวทั้งสิ้น 151 กิโลเมตร ในระหว่างเส้นทางดังกล่าวต้องสร้างสะพานรถไฟข้ามคลองและแม่น้ำถึง 3 แห่ง ได้แก่ 1.สะพานข้ามคลองตลิ่งชัน 2.สะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน (สะพานเสาวภา) 3.สะพานข้ามแม่น้ำแม่กลองช่วงเมืองราชบุรี (สะพานจุฬาลงกรณ์)

สะพานข้ามแม่น้ำแม่กลองช่วงผ่านเมืองราชบุรีสร้างเมื่อ พ.ศ. 2444 ทางเดินรถแบ่งเป็น 3 ช่วง ช่วงละ 50 เมตร มีระยะทางทั้งสิ้น 150 เมตรนับได้ว่าเป็นสะพานรถไฟที่ยาวที่สุดของสยามประเทศ ในเวลานั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานชื่อว่า สะพานจุฬาลงกรณ์ ตามพระนามของพระองค์และได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดทางรถไฟอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2446

ปัจจุบันมีก่อสร้างทางรถไฟรางคู่ และมีการก่อสร้างสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำแม่กลองซึ่งเป็นสะพานคานขึง (Extradose Bridge) คือ การผสมผสานระหว่างสะพานขึงและสะพานคอนกรีตที่ใช้สายเคเบิ้ลในการช่วยรับแรง เป็นสะพานรถไฟคู่ขนานกับสะพานจุฬาลงกรณ์ที่เป็นสะพานรถไฟเดิม สะพานรถไฟข้ามแม่น้ำแม่กลองที่ก่อสร้างอยู่จะเป็นสะพานรถไฟคานขึงที่มีความยาวมากที่สุดในประเทศไทย และขึ้นแท่นเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของเมืองราชบุรีในปัจจุบัน

 

สิริมงคล ไกรวงศ์วิชญ์

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top