เดือนเดียวจับผู้ต้องหาค้ายาบ้ากว่า 100 คนยึดทรัพย์ร่วม 10 ล้านผู้ว่าฯนครพนมสั่งขุดรากถอนโคน

เดือนเดียวจับผู้ต้องหาค้ายาบ้ากว่า 100 คนยึดทรัพย์ร่วม 10 ล้านผู้ว่าฯนครพนมสั่งขุดรากถอนโคน

วันศุกร์ ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2568, 17.55 น.

เดือนเดียวนครพนมจับผู้ต้องหาค้ายาบ้ากว่า 100 คนยึดทรัพย์กว่า 10 ล้าน ผู้ว่าฯนครพนมสั่งขุดรากถอนโคน

วันที่ 10 มกราคม 2568 หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม (บก.ภ.จว.นครพนม) นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผบก.ภ.จว.นครพนม พร้อมด้วย พล.ต.ฉัฐชัย มีชั้นช่วง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 และรองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ผบ.มทบ.210 / ผบ.รองนบ.ยส.24 พล.ร.ต.ณรงค์ เอมดี ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (ผบ.นรข.) นายแพทย์กิตติเชษฐ์ ธีรกุลพงศ์เวช รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม (รอง สสจ.ฯ) หัวหน้าสถานีทั้ง 19 สภ. รวมถึงหน่วยงานเกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลการปฏิบัติในรอบ 1 เดือน กรณีเข้าปิดล้อม ตรวจค้น ยาเสพติดในพื้นที่เป้าหมาย เพื่อปราบปรามผู้ค้ารายย่อยและเครือข่าย โดยใช้ยุทธวิธีปฏิบัติการเชิงรุก และนำไปสู่การยึดทรัพย์นักค้ายาเสพติดทุกราย


โดยปฏิบัติการดังกล่าวได้ใช้โมเดลของ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เป็นต้นแบบในการแก้ปัญหายาเสพติด แต่เนื่องจาก จ.นครพนม มีพื้นที่ติดประเทศเพื่อนบ้านยาวเกือบ 200 กิโลเมตร  โดยมีแม่น้ำโขงกั้นเป็นพรมแดน จึงเป็นช่องว่างให้ขบวนการยาเสพติด ลำเลียงเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ ประกอบกับมีคนไทยเป็นเครือข่าย ทำให้การปราบปรามเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยพื้นที่ อ.ศรีสงคราม ถือว่าเป็นทางผ่านในการลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ชั้นใน เพราะมีอาณาเขตติดกับ จ.สกลนคร,บึงกาฬ มีถนนสายย่อยเอื้อต่อการหลบเลี่ยงการตรวจค้นจับกุม

กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2)  จึงคัดเลือก อ.ศรีสงครามเป็นพื้นที่เป้าหมายนำร่อง หรือเรียกว่าพื้นที่ไข่แดง เปิดปฏิบัติการ Kick off ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 เป็นต้นมา โดยได้ดำเนินการ X-ray ปูพรมตรวจค้นกลุ่มเป้าหมายพร้อมกันทุกหมู่บ้าน ซึ่งเป็นยุทธการจู่โจมก่อนฟ้าสาง สามารถคัดกรองผู้เสพยาบ้าได้จำนวน 1,710 คน แยกเป็นผู้เสพสีส้ม และ สีแดง 17 ราย โดย 2 กลุ่มนี้มีความเป็นอันตรายที่มีโอกาสสูงเกิดคลุ้มคลั่งทำร้ายผู้คน จึงเร่งนำเข้าบำบัดรักษาในโรงพยาบาลตามขั้นตอน ส่วนผู้เสพสีเขียว สีเหลืองรอคิวว่างเพื่อบำบัด เพราะเป็นกลุ่มที่ไม่อันตรายรุนแรงเหมือน 2 กลุ่มแรก

นอกจากนี้กลุ่มผู้เสพทั้ง 1 พันกว่าราย ยังได้ชี้เป้าที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติการ พอสรุปได้ว่ามีผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ รายย่อย จำนวน 352 คน พร้อมสืบสวนทางลับพบมีเครือข่ายถึง 10 เครือข่าย จำนวน 70 เป้าหมาย จึงนำไปสู่การขอหมายจับ นับเป็นคดี 119 คดีได้ตัวผู้ต้องหากว่า 100 คน พร้อมของกลางยาบ้ารวม 3 แสนกว่าเม็ด ทั้งใช้กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการยึดทรัพย์ อายัดทรัพย์ รถยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะขนลำเลียง และเป็นทรัพย์ที่ผู้ต้องหาได้จากการค้ายาบ้า จำนวน 6 คัน รถจักรยานยนต์ 30 คัน ทองรูปพรรณ และเงินสด รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 10 ล้านเศษ

นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม รับการรายงานจาก พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผบก.ภ.จว.นครพนม ว่า รถยนต์จำนวนหนึ่งไม่ได้ใช้เป็นพาหนะในการลำเลียงยาเสพติด แต่หลังจับกุมและตรวจค้นบัญชีทรัพย์สิน พบว่าผู้ต้องหาไม่สามารถชี้แจงการซึ่งได้มาของทรัพย์ได้ เช่น รถไถป้ายแดง ราคากว่า 5 แสนบาท ตรวจสอบแล้วผู้ต้องหาซื้อด้วยเงินสด นอกจากนี้ผู้ต้องหาส่วนใหญ่เป็นคนมีบ้านพักอาศัยอยู่ริมแม่น้ำโขง จึงมีความชำนาญพื้นที่มาก และทำทางลงตลิ่งเพื่อให้รถจักรยานยนต์ รวมทั้งรถซาเล้งพ่วงข้างลงไปขนยาบ้าขึ้นมาได้สะดวก โดยทำทีขับลงไปขนผักริมโขงที่ปลูกในช่วงน้ำลด แต่ความจริงมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ด้านใต้ แต่เจ้าหน้าที่พบความผิดสังเกตจึงตรวจค้น ก็พบยาบ้าซุกอยู่ใต้กองผักดังกล่าว

ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้กำชับหน่วยงานความมั่นคง เพิ่มมาตรการในปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้น จับกุม โดยให้ปูพรมเข้าตรวจค้นพร้อมกันทุกจุดในกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้ผู้ค้ายาเสพติดหมดจากพื้นที่ และทราบว่าผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมกว่า 100 คน ได้ให้การซัดทอดถึงผู้ร่วมขบวนการ คาดว่าเร็วๆนี้จะสามารถจับกุมได้เพิ่ม - 003

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top