วันจันทร์ ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
กสม. แนะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมแก้ปัญหาสิทธิเด็กต่างด้าว-ไม่มีสถานะทางทะเบียน

กสม. แนะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมแก้ปัญหาสิทธิเด็กต่างด้าว-ไม่มีสถานะทางทะเบียน

วันศุกร์ ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2568, 19.34 น.
Tag : ต่างด้าว ไม่มีทะเบียน สิทธิเด็ก สิทธิมนุษยชน
  •  

17 ม.ค. 2568 ในการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) นายวสันต์  ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า กสม. ได้ติดตามสถานการณ์ปัญหากรณีเด็กไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยเข้ารับการศึกษาในประเทศไทย ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับปัญหาสถานะบุคคล สิทธิอาศัยอยู่ในราชอาณาจักร รวมถึงสิทธิด้านสาธารณสุข จึงได้หยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใดๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน

กสม. ได้พิจารณาเอกสาร ความเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิ หน่วยงานของรัฐ องค์กรเอกชน บุคคล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งรายงานการลงพื้นที่ ตลอดจนบทบัญญัติของกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนแล้ว เห็นว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 รับรองสิทธิของเด็กทุกคนให้ได้รับการศึกษาเป็นเวลาสิบสองปี ตั้งแต่ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับอย่างมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย


และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2548 ได้ขยายโอกาสทางการศึกษาแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย ให้ทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยสามารถเข้าเรียนได้ โดยไม่จำกัดระดับ ประเภท หรือพื้นที่การศึกษา รวมทั้งการรับเข้าเรียน ลงทะเบียนนักเรียน นักศึกษา การออกหลักฐานทางการศึกษา และให้จัดสรรงบประมาณอุดหนุนเป็นค่าใช้จ่ายรายหัวให้แก่สถานศึกษาในอัตราเดียวกันกับค่าใช้จ่ายที่จัดสรรให้แก่เด็กไทย

ยกเว้นผู้หนีภัยจากการสู้รบให้จัดการเรียนในพื้นที่ สอดคล้องกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ICESCR) และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (CRC) ที่ได้รับรองสิทธิของเด็กทุกคนให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา ลดอัตราการออกจากโรงเรียนกลางคัน และคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญ

จากการศึกษาและรวบรวมข้อมูลพบว่า เด็กต่างด้าวแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ที่มีปัญหาและอุปสรรคในการเข้าถึงสิทธิทางการศึกษา ได้แก่ (1) เด็กที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน (2) เด็กลูกหลานแรงงานสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม (3) เด็กสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่เดินทางโดยลำพังด้วยเหตุผลทางการศึกษา (4) เด็กที่เดินทางไปกลับตามชายแดน และ (5) เด็กพื้นที่พักพิงชั่วคราว

กสม. พิจารณาแล้วเห็นว่า การจัดการศึกษาเด็กไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยมีปัญหาสองกรณี ได้แก่ (1) กรณีการรับนักเรียนนักศึกษาเข้าเรียนในสถานศึกษาของรัฐ เด็กไม่สามารถเข้าถึงสิทธิทางการศึกษาเท่าที่ควรหรือค่อนข้างลำบาก ด้วยอุปสรรคหรือข้อจำกัดของสถานศึกษา หรือหน่วยงานต้นสังกัดเรียกหลักฐานเกินความจำเป็นหรือไม่จัดทำบันทึกแจ้งประวัติบุคคล เพื่อนำมาลงหลักฐานทางการศึกษา และมีการดำเนินการที่ไม่สอดคล้องตามระเบียบ ประกาศ และแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องสำหรับการจัดการศึกษาแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย

อย่างไรก็ตาม ปัญหาสถานะบุคคลหรือการเข้าเมืองโดยมิชอบด้วยกฎหมายเป็นคนละกรณีกับสิทธิทางการศึกษาของเด็ก การที่สถานศึกษาไม่รับเด็กเข้าเรียนเนื่องจากสถานะดังกล่าวและข้อจำกัดเรื่องภาษาในการสื่อสาร ย่อมส่งผลกระทบต่อสิทธิทางการศึกษาและสิทธิเด็ก และ (2) กรณีศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าว ซึ่งทำหน้าที่ดูแลเด็กให้สามารถเข้าถึงสิทธิด้านการศึกษาตามความต้องการ และช่วยปกป้องคุ้มครองเด็ก รวมทั้งแบ่งเบาภารกิจของรัฐในการจัดการศึกษา ยังมีข้อจำกัดบางประการที่ทำให้ไม่สามารถจัดตั้งเป็นศูนย์การเรียนตามกฎหมายได้

เช่น ผู้ขอจัดการศึกษาต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย ต้องเป็นหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือหลักสูตรที่กระทรวงศึกษาธิการรับรอง ขณะที่เด็กและผู้ปกครองต้องการเรียนหลักสูตรของต่างประเทศ เพื่อกลับไปเรียนต่อหรือใช้ชีวิตในประเทศต้นทาง เป็นต้น ทั้งนี้ รัฐควรส่งเสริมการจัดการการศึกษา โดยคำนึงถึงมิติต่างๆ อย่างรอบด้าน อาทิ ด้านมนุษยธรรม สิทธิมนุษยชน ความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม

ส่วนประเด็นสถานะบุคคลของเด็กลูกหลานแรงงานสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม และเด็กสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่เดินทางโดยลำพังด้วยเหตุผลทางการศึกษาและการอาศัยอยู่ในราชอาณาจักร เห็นว่า รัฐควรกำหนดมาตรการที่เหมาะสมในการให้สิทธิอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และให้เด็กจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวตามสถานะที่เป็นจริงเพื่อไม่ให้เด็กตกอยู่ในภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ เพื่อปกป้องคุ้มครองเด็กจากการแสวงหาผลประโยชน์ และเห็นว่า เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการประชากรในประเทศ และการพิสูจน์ทราบตัวบุคคล

ประกอบกับประเทศไทยกำลังเผชิญกับโครงสร้างประชากรวัยแรงงานลดลง และอาจขาดแคลนแรงงานในอนาคต เมื่อประเทศไทยได้จัดสรรงบประมาณสนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายรายหัวให้เด็กกลุ่มดังกล่าวอยู่แล้ว หากรัฐกำหนดมาตรการส่งเสริมให้ได้รับโอกาสในการทำงานในประเทศไทยย่อมเป็นปัจจัยสนับสนุนการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน เนื่องจากสามารถสื่อสารภาษาและเข้าใจวัฒนธรรมไทย ทำให้สามารถอยู่ร่วมกับสังคมไทยโดยไม่แปลกแยก

นอกจากนี้ ประเด็นสิทธิด้านสาธารณสุขของเด็กลูกหลานแรงงานสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม และเด็กสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่เดินทางโดยลำพังด้วยเหตุผลทางการศึกษา เห็นว่า รัฐยังไม่มีการกำหนดขอบเขตการให้สิทธิผ่านระบบการซื้อประกันสุขภาพของเอกชนหรือระบบร่วมจ่ายสำหรับนักเรียนนักศึกษาในราคาที่สามารถเข้าถึงได้ หากนักเรียนนักศึกษาประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอาจไม่สามารถเสียค่าบริการดังกล่าว ประกอบกับโรงพยาบาลต้องให้บริการด้านการรักษาพยาบาลแก่เด็กทุกคนทำให้ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถเบิกชดเชยค่าบริการทางการแพทย์จากแหล่งงบประมาณหรือกองทุนใด ซึ่งอาจเป็นภาระทางด้านงบประมาณและการบริการสาธารณสุขของประเทศ

ด้วยเหตุผลดังกล่าว กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2568 จึงมีมติให้มีข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการ สรุปได้ดังนี้ (1) ให้กระทรวงศึกษาธิการ จัดให้มีระบบสารสนเทศกำหนดรหัสประจำตัวผู้เรียนในศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าว โดยสำรวจและจัดเก็บข้อมูลนักเรียนรายบุคคลในระบบจัดเก็บข้อมูลนักเรียนรายบุคคล (Data Management Center: DMC) ให้ครอบคลุมทั้งประเทศ รวมทั้งประสานส่งข้อมูลเด็กให้กรมการปกครองจัดทำทะเบียนประวัติคนต่างด้าวเช่นเดียวกับนักเรียนนักศึกษารหัส G

และให้ปรับปรุงระเบียบ ประกาศ และแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยที่เป็นอุปสรรค หรือข้อจำกัด รวมทั้ง ให้กำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียนเพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมการรับนักเรียนนักศึกษาที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และสนับสนุนงบประมาณ บุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่ตามแนวชายแดน หรือพื้นที่ที่มีเด็กต่างด้าวเป็นจำนวนมาก ให้สามารถเข้าถึงสิทธิทางการศึกษาในรูปแบบการศึกษาในระบบ หรือขยายห้องเรียนไปยังพื้นที่ต่างๆ ในรูปแบบการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย

(2) ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ประกาศผ่อนผันให้เด็กลูกหลานแรงงานสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม และเด็กสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่เดินทางโดยลำพังด้วยเหตุผลทางการศึกษาที่เข้าเมืองเพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ และได้รับการผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว

ตลอดจนออกประกาศกำหนดเขตพื้นที่ควบคุมและการอนุญาตให้เด็กสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่เดินทางโดยลำพังด้วยเหตุผลทางการศึกษาออกนอกพื้นที่ควบคุม รวมทั้งให้จัดทำทะเบียนประวัติและออกบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยให้กับเด็กลูกหลานแรงงานสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม และเด็กสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่เดินทางโดยลำพังด้วยเหตุผลทางการศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร

(3) ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข จัดให้มีระบบประกันสุขภาพแก่นักเรียนนักศึกษาต่างด้าว ให้สามารถเข้าถึงสิทธิด้านบริการสาธารณสุขได้ โดยไม่เป็นภาระเกินควร และให้หารือสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดหลักเกณฑ์การขายประกันสุขภาพของบริษัทประกันภัยตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัยให้แก่นักเรียน นักศึกษาต่างด้าว

โดยสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลที่ได้รับไม่น้อยกว่าสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลที่ได้รับจากการทำประกันสุขภาพกับกระทรวงสาธารณสุข ตามแนวทางการประกันสุขภาพของแรงงานต่างด้าว โดยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 ที่ให้คนต่างด้าวสามารถเลือกทำประกันสุขภาพกับกระทรวงสาธารณสุข หรือประกันสุขภาพกับบริษัทประกันภัยได้ เพื่อให้ผู้ปกครองนักเรียนนักศึกษาในสถานศึกษาหรือศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าวสามารถเลือกซื้อประกันสุขภาพดังกล่าวได้ตามความเหมาะสม

 

 

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ‘รมว.แรงงาน’ขึงขัง! ตั้ง‘ชุดเฉพาะกิจ’สแกน‘แรงงานต่างด้าว’ป้องแย่งอาชีพคนไทย ‘รมว.แรงงาน’ขึงขัง! ตั้ง‘ชุดเฉพาะกิจ’สแกน‘แรงงานต่างด้าว’ป้องแย่งอาชีพคนไทย
  • ‘กสม.’ประกาศผลบุคคล-องค์กรดีเด่นด้านการส่งเสริมคุ้มครองสิทธิมนุษยชนประจำปี 2566-2567 ‘กสม.’ประกาศผลบุคคล-องค์กรดีเด่นด้านการส่งเสริมคุ้มครองสิทธิมนุษยชนประจำปี 2566-2567
  • \'ปลัดมท.\'ชมเปาะกรมการปกครอง คว้ารางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2567 'ปลัดมท.'ชมเปาะกรมการปกครอง คว้ารางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2567
  • ‘กรมจัดหางาน’เชือดนายจ้าง ปัดรับผิดชอบค่ารักษาแรงงานต่างชาติ อ้างเป็นแรงงานผิดกม. ‘กรมจัดหางาน’เชือดนายจ้าง ปัดรับผิดชอบค่ารักษาแรงงานต่างชาติ อ้างเป็นแรงงานผิดกม.
  • ‘กสม.’ชวนส่งชื่อบุคคล-องค์กร รับรางวัลดีเด่นคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ‘กสม.’ชวนส่งชื่อบุคคล-องค์กร รับรางวัลดีเด่นคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
  • ‘พิพัฒน์’ปล่อยแถวชุดปฏิบัติการสแกนแรงงานข้ามชาติผิดกม. หากพบ ‘จับ ปรับ ผลักดัน’ ทันที ‘พิพัฒน์’ปล่อยแถวชุดปฏิบัติการสแกนแรงงานข้ามชาติผิดกม. หากพบ ‘จับ ปรับ ผลักดัน’ ทันที
  •  

Breaking News

ล้วงย่ามพระ!‘สุชาติ’เล็งตั้ง‘ธนาคารพุทธศาสนา’ ดูแลทรัพย์สิน-แยกเงิน‘สงฆ์-วัด’

วิเคราะห์เจาะลึกผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่ 'ดร.รุ่ง' หรือ 'วิทัย' ใครเหมาะคุมเสถียรภาพเศรษฐกิจ?

ภูมิธรรม รับฟัง ‘เลขาฯกฤษฎีกา’ แนะ ครม. รักษาการนายกฯยุบสภาไม่ได้ บอกความเห็น ‘วิษณุ’ ก็ต้องฟัง

รุกฆาต! ดันนิรโทษกรรมสุดซอย ส้มแดงดีลลับ ปล่อยผี 'คดีทุจริต-ม.112คดีอาญาร้ายแรง'

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved