เพื่อขยายผลสำเร็จของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทั้ง 6 แห่ง สู่ประชาชนอย่างกว้างขวางสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) จึงจัดทำโครงการ “ขยายเสริมเพิ่มเครือข่ายศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริของศูนย์ศึกษาฯ และศูนย์สาขาฯ” ขึ้น เพื่อต่อยอดองค์ความรู้จากศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ ให้กระจายครอบคลุม ซึ่งผ่านเกณฑ์การประเมินทั่วประเทศ 221 แห่ง มีองค์ความรู้หลายสาขา ได้แก่ เกษตรผสมผสาน เกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรปลอดสารพิษเกษตรอินทรีย์ ประมง ปศุสัตว์ อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และอื่นๆ ที่เป็นแบบอย่างแก่เกษตรกรเข้าไปศึกษาดูงานแล้วนำไปปฏิบัติใช้ในพื้นที่ของตนเอง
นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการ กปร. เปิดเผยว่า การขยายผลจะดำเนินการในขอบข่ายทั่วประเทศ โดยทางภาคเหนือศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ ได้น้อมนำพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาดำเนินการ ตั้งแต่การฟื้นฟูพื้นที่จากความแห้งแล้งสู่ป่าสมบูรณ์ด้วยการปลูกป่าตามแนวทางที่พระองค์พระราชทาน เช่น ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูก และปลูกป่าโดยใช้พันธุ์ไม้ท้องถิ่นที่มีอยู่เดิมมาปลูกเสริม ควบคู่กับการจัดทำระบบชลประทานแบบป่าเปียก จากไม่มีต้นไม้ ปัจจุบันกลับคืนความอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้เขียวขจีมีความชื้นเป็นผลดีต่อการทำการเพาะปลูกของประชาชนโดยรอบพื้นที่ และจังหวัดทางภาคเหนือ
“ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ ได้ทำการศึกษา วิจัย ทดลอง ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำกินที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและพื้นที่ของภาคเหนือ มีผลสำเร็จมากมายซึ่งได้เปิดให้ประชาชนในพื้นที่และห่างไกลเข้าศึกษาเรียนรู้แล้วนำไปทำ
ในพื้นที่ของตนเอง จนประสบความสำเร็จจำนวนไม่น้อย เพื่อให้ความสำเร็จเหล่านี้ได้เข้าถึงประชาชนที่สนใจเพิ่มมากขึ้น ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ จึงได้ขยายผลสู่ราษฎรในพื้นที่รอบศูนย์ฯ และจังหวัดทางภาคเหนือ โดยพัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริด้านต่างๆ ขึ้น เพื่อให้ประชาชน ตลอดถึงหน่วยราชการที่สนใจเข้าศึกษาดูงาน เป็นการเข้าถึงความสำเร็จที่น้อมนำพระราชดำริมาปฏิบัติใช้จริง ที่ทุกคนสามารถนำไปทำเองที่บ้านได้เลย เช่น ศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริด้านเกษตรผสมผสาน ของนางดาวเรือง เจริญทรัพย์ ราษฎรหมู่ที่ 6 ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้เข้าศึกษาดูงาน ฝึกอบรมการทำเกษตรแบบผสมผสานจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ แล้วนำความรู้เหล่านั้นไปทำในพื้นที่ของตนเอง และประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพ ปัจจุบันได้เปิดให้ผู้สนใจเข้ามาศึกษาดูงาน”นางสุพร ตรีนรินทร์ กล่าว
สำหรับนางดาวเรือง เจริญทรัพย์ เกษตรกรศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริด้านเกษตรผสมผสาน ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เดิมปลูกมะขามหวานในรูปแบบเกษตรเชิงเดี่ยวมีผลผลิตปีละครั้ง บางปีมะขามติดเชื้อราขายไม่ได้ก็ขาดทุน รายได้ไม่เพียงพอเกิดภาวะหนี้สินที่ยืมมาจากแหล่งเงินทุน ต้องหาอาชีพเสริมเพื่อสร้างรายได้ จึงเข้าศึกษาดูงานและฝึกอบรมการทำเกษตรแบบผสมผสานที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องใคร้ฯ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากบ้าน 12 กิโลเมตร เมื่อทำแล้วประสบความสำเร็จ มีผลผลิตขายได้ตลอดทั้งปี หากพืชตัวไหนมีปัญหาก็จะมีพืชชนิดอื่นทดแทนให้ได้ขาย ทำให้มีผลผลิตขายอย่างต่อเนื่องทั้งปี จากนั้นจึงเข้ารับการอบรมจากทางศูนย์ฯ ในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง
มีพื้นที่ 20 ไร่ แบ่งเป็นแปลงเกษตรผสมผสานเต็มพื้นที่ ปลูกพืชผักสวนครัว ผักพื้นบ้าน หมุนเวียนชนิดตามฤดูกาล ขุดบ่อเลี้ยงปลานิล ปลาดุกบิ๊กอุย สร้างบ่อเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์กบ เพื่อผลิตลูกกบจำหน่าย แปรรูปผลผลิตเป็นผลิตภัณฑ์แห้ง เช่น มะตูมแห้ง กระเจี๊ยบแดงแห้ง ดอกเก๊กฮวยแห้ง กล้วยตาก เป็นต้น รวมทั้งลดต้นทุนการซื้อปุ๋ยเคมีสำหรับบำรุงพืชที่ปลูกโดยนำวัตถุดิบเหลือใช้ในพื้นที่มาผลิตน้ำหมักชีวภาพ เพาะขยายพันธุ์ผักพื้นบ้านและสมุนไพรขายสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง
“ทุกวันนี้มีความสุขกับการทำงานอยู่กับบ้าน กับสมาชิกในครอบครัว มีรายได้หมุนเวียนจากการจำหน่ายผลผลิตทั้งปี มีเงินเก็บออม หนี้สินเดิมหมด ทั้งมีอาหารพืชผัก ปลา กบ ไว้กินในครอบครัว ผลผลิตทั้งหมดจะนำออกขายด้วยตนเอง โดยจำหน่ายที่ร้านค้าชุมชนน้ำพุร้อนดอยสะเก็ด ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของชุมชน นอกจากนี้ยังขายทางออนไลน์อีกด้วย จึงรู้ว่าลูกค้าต้องการพืชผักแบบไหนและช่วงไหน ต้องการปลาหรือกบที่มีขนาดน้ำหนักเท่าไหร่ จึงนำมาเป็นแนวทางในการผลิตทำให้ผลผลิตขายได้หมดทุกครั้งที่นำออกไปขาย ตอนนี้มีผู้สนใจเข้ามาเรียนรู้การใช้ชีวิต การผลิต และจำหน่ายแบบพึ่งพาตนเองที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องทุกวัน” นางดาวเรือง เจริญทรัพย์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี