อ.ส.ค.จัดพิธีตักบาตรนมสด และธรรมะในฟาร์ม ครบรอบ 63 ปี ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค พร้อมเตรียมจัดเทศกาลโคนมแห่งชาติปี 2568 วันที่ 28 มกราคม-8 กุมภาพันธ์นี้

วันที่ 27 ม.ค. 2568 องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งชาติ (อ.ส.ค.) อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ได้มีการจัดพิธีทำบุญครบรอบ 63 ปี อ.ส.ค. นำโดย นายสมพร ศรีเมือง ผู้อำนวยการ อ.ส.ค. เป็นประธานในพิธีทำบุญวันเกิดฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค พร้อมกิจกรรมตักบาตรนมสด พระสงฆ์ 63 รูป และกิจกรรมธรรมะในฟาร์มแสดงธรรมเทศนาโดย พระครูมนัสสุภนิมิต (หลวงพ่ออุ่นใจ จิรสุโภ) เจ้าคณะตำบลพญาเย็น เขต 2 วัดถนนโค้ง จ.นครราชสีมา ทั้งนี้ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 และเพื่อความเป็นสิริมงคลกับองค์กร ผู้บริหาร พนักงาน และลูกจ้าง อ.ส.ค.สำหรับกิจกรรมตักบาตรนมสด อ.ส.ค.ได้สืบสานและรักษาไว้ซึ่งประเพณีอันดีงามของจังหวัดสระบุรี นับได้ว่ามีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยโดย อ.ส.ค. ยังคงเอกลักษณ์นี้ไว้เพราะเป็นจุดกำเนิดนมกล่องแรกของคนไทย และเป็นจุดกำเนิดอาชีพโคนมพระราชทาน

นายสมพร ศรีเมือง ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กล่าวว่า ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค ได้เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2505 และรัฐบาลไทยกำหนดให้วันที่ 17 มกราคมของทุกปีเป็นวันโคนมแห่งชาติ ซึ่งจะมีการจัดเทศกาลโคนมแห่งชาติขึ้นเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ได้พระราชทานอาชีพการเลี้ยงโคนมให้แก่ปวงชนชาวไทย และเป็นการแสดงถึงความก้าวหน้าของวิทยาการด้านการเลี้ยงโคนม และอุตสาหกรรมนมของประเทศ ตลอดจนเผยแพร่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ โดยในปีนี้งานเทศกาลโคนมแห่งชาติประจำปี 2568 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 มกราคม- 8 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งในวันที่ 28 มกราคม 2568 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงเป็นประธานเปิดงาน

ปัจจุบัน อ.ส.ค. ยังเปิดให้บริการฟาร์มแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัสและชื่นชมความงามของธรรมชาติภายในฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค เป็นแหล่งเรียนรู้วิถีโคนมอาชีพพระราชทาน และการดำเนินกิจการด้านอุตสาหกรรมนมแบบครบวงจร ตั้งแต่การเลี้ยงโคนม กระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค เป็นต้น ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์คจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติเลือกเข้ามาเยี่ยมชมและท่องเที่ยวเป็นอันดับต้นๆ