แม่ร้องลูกชายถูกประตูโรงเรียนล้มทับสาหัส วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องช่วยเหลืออย่าปล่อยทิ้งครอบครัวสู้เพียงลำพัง

วันที่ 7 ก.พ.68 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านในพื้นที่ถนนอภัยบริรักษ์ ตำบลคูหาสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง หลังนางกัญญาวีร์ อายุ 60 ปี ร้องขอความช่วยเหลือผ่านสื่อมวลชนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรณีนายกฤษดากร อายุ 34 ปี บุตรได้รับบาดเจ็บจากเหตุประตูเหล็กของโรงเรียนเทศบาลวัดนิโครธาราม ล้มทับร่างจนสลบ เหตุเกิดเมื่อเวลา 19.20 น.ของวันที่ 22 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา แพทย์ รพ. พัทลุงระบุจากอุบัติเหตุดังกล่าวทำให้ลูกชายได้รับบาดเจ็บสาหัส กะโหลกและฐานกะโหลกศีรษะแตก มีเลือดออกในเนื้อเหยื่อหุ้มสมองชั้นนอก และใต้เหยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง

นายกฤษดากร เล่าว่า ตนเป็นลูกจ้าง สำนักงานเทศบาลเมืองพัทลุง ทำหน้าที่เป็นยามรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนดังกล่าวในวันเกิดเหตุตอน 5 โมงเย็นไปรับเวร และมีคนในโรงเรียนบอกว่าประตูรั้วเหล็กของโรงเรียน ส่วนล้อพลาดร่องอยู่ พอในช่วงค่ำ ตนก็บอกครูที่อยู่โรงเรียนว่าล้อประตูพลาดร่องอยู่ ครูและตนก็ได้ช่วยกันยกประตูให้กลับเข้าร่องเพื่อปิดประตูโรงเรียน แต่ช่วงกำลังจะยกประตูให้ล้อกลับเข้าร่องประตูเหล็กที่มีน้ำหนักมาก ได้ล้มทับร่างของตน จนเขาได้รับบาดเจ็บเลือดไหลนองพื้นก่อนสลบไม่ได้สติ มารู้สึกตัวอีกทีที่ รพ.พัทลุง

นางกัญญาวีร์ ผู้เป็นแม่บอกว่า หลังทราบเรื่องตกใจมีความกังวลมากไม่รู้ว่าลูกจะปลอดภัยหรือไหม ร้องให้ตลอด เพราะมีกันแค่สองคนแม่ลูก ส่วนสามีเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ยอมรับว่าขณะที่รักษาตัวอยู่ที่ รพ..พัทลุง ทางโรงเรียนไปมอบเงินช่วยเหลือให้ 7,000 บาท และ ผอ.รร.ได้มอบเงินส่วนตัวให้ 1,000 บาทเป็นค่าใช้จ่าย ในช่วงอยู่ที่ รพ.แต่หลังจากลูกชายออกจาก รพ.พัทลุง เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ลูกชายยังต้องรักษาตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะลูกยังมีเลือดออกทางปากและทางหู ทั้งใบหน้าก็ยังไม่เข้ารูป บวกยังมีอาการมึนศีรษะต่อเนื่อง ไม่สามารถทำงานได้ และยังต้องเดินทางไปรักษาตัวอยู่ที่ โรงพยาบาล หาดใหญ่ เกือบทุกอาทิตย์

"ทางครอบครัวยังคงต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการรักษา และการเดินทางไปรักษาโดยที่ไม่รู้ว่าลูกจะอาการดีขึ้นเมื่อไหร่และเมื่อดีขึ้นลูกชายจะกลับมาเหมือนเดิมไหม ทางครอบครัวเองก็ไม่ได้มีรายได้มากมาย มีเพียงรายได้จากการเปิดร้านขายของชำเล็ก ๆ น้อยๆ ที่บ้าน ช่วงที่พาลูกชายไปหาหมอ ก็ต้องปิดร้าน จึงอยากจะวอนขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยดำเนินการให้ความช่วยเหลือครอบครัวตามสิทธิ์ที่ควรจะได้รับ ไม่ใช่ปล่อยทิ้งเช่นนี้ ยอมรับว่าลำบากจริง ๆ" นางกัญญาวีร์ กล่าว