รบ.ตีปี๊บเงินหมื่น กระตุ้นศก.เข้าเป้า ลดความเหลื่อมล้ำ เงินลงจว.ยากจน

รบ.ตีปี๊บเงินหมื่น กระตุ้นศก.เข้าเป้า ลดความเหลื่อมล้ำ เงินลงจว.ยากจน

วันอาทิตย์ ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568, 06.00 น.

รบ.ตีปี๊บเงินหมื่น

กระตุ้นศก.เข้าเป้า

ลดความเหลื่อมล้ำ

เงินลงจว.ยากจน

“เผ่าภูมิ” โชว์ผล “เงินหมื่นเฟส 1”เงินลงจังหวัดยากจน ลดเหลื่อมล้ำเร็วขึ้น 3 ปี 68% ลงร้านชุมชน 82% ใช้หมด 3 เดือน ตัวชี้วัด เศรษฐกิจพุ่ง

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึง ผลโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 หรือ เงินหมื่น เฟส 1 จากการประมวลของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และสำนักงานสถิติแห่งชาติ ดังนี้


1. “เงินกระจายถูกฝาถูกตัว” กล่าวคือ จังหวัดที่มีสัดส่วนของผู้ได้รับเงินสูง คือ จังหวัดยากจน มี GPP per Capita หรือผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวต่ำ ภูมิภาคที่รับเงินมากอยู่ในภาคเหนือ ภาคอีสาน และกลุ่มจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งทำให้ภูมิภาคเหล่านี้มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นมากที่สุด

2. “เงินกระจายทั่วถึงทุกพื้นที่” ครอบคลุมครบทุกตำบลทั่วประเทศไทย กล่าวคือ ไม่มีตำบลใดเลยที่ไม่ได้รับเงิน

3. “เงินพุ่งสู่ร้านเล็ก ร้านในชุมชน” ร้อยละ 68 นำเงินไปใช้จ่ายในร้านค้าชุมชน/ร้านขายของชำ ร้านหาบเร่แผงลอยทั่วไป/ร้านค้าในตลาด ร้อยละ 30 นำไปใช้จ่ายในร้านสะดวกซื้อและ Modern Trade และที่เหลืออีกร้อยละ 2 ใช้จ่ายในร้านอื่นๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าการเกษตร ร้านออนไลน์ เป็นต้น

4. “ส่วนใหญ่ใช้เงินหมดใน 3 เดือน” ร้อยละ 82 จะใช้จ่ายเงินหมดภายใน 3 เดือน (ภายใน 1 เดือนร้อยละ 21 และ 1-3 เดือน ร้อยละ 61)

5. “ตัวชี้วัด ศก. พุ่ง” ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 56.9 ในไตรมาสที่ 4 สูงขึ้นกว่าไตรมาสที่ 3 ที่ระดับ 56.5 ดัชนีความเชื่อมั่น MSMEs ปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 53.0 ในไตรมาสที่ 4 จากระดับ 49.6 ในไตรมาสที่ 3 ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจภูมิภาคปรับตัวดีขึ้นในหลายภูมิภาค การท่องเที่ยว การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (หักนำเข้า หักเงินเฟ้อ) และรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่เพิ่มขึ้น โดยตัวชี้วัด ศก. ที่กล่าวมาข้างต้นล้วนเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4 โดยเฉพาะเดือน ต.ค. ที่เงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจเต็มเดือน

6. “ลดเหลื่อมล้ำเร็วขึ้น 3 ปี” การศึกษาดัชนี GINI (ซึ่งใช้วัดความเหลื่อมล้ำ หากลดลงแปลว่ามีความเท่าเทียมเพิ่มขึ้น) ของกระทรวงการคลังพบว่า พบว่าช่วยลดระดับดัชนี GINI ได้ 0.01 จุด ทั้งดัชนี GINI ด้านรายได้ และดัชนี GINI ด้านรายจ่าย กล่าวคือ ลดระดับความเหลื่อมล้ำลงได้ และหากเปรียบกับกรณีที่ไม่มีโครงการนี้ การที่ดัชนี GINI ลดลงได้ 0.01 จุดดังกล่าว มักใช้เวลานานถึง 3 ปี อ้างอิงตามแนวโน้มการพัฒนาการเศรษฐกิจในอดีต กล่าวคือ โครงการนี้ร่นระยะเวลาลดความเหลื่อมล้ำประเทศเร็วขึ้น 3 ปี

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top