ไม่ง่ายแต่กำลังดำเนินการ! ‘พิพัฒน์’เผยเตรียมนำ ‘ลูกจ้างงานบ้าน-แรงงานเกษตร’เข้าม.33ประกันสังคม

ไม่ง่ายแต่กำลังดำเนินการ! ‘พิพัฒน์’เผยเตรียมนำ ‘ลูกจ้างงานบ้าน-แรงงานเกษตร’เข้าม.33ประกันสังคม

วันจันทร์ ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568, 18.31 น.

10 ก.พ. 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมพบปะพูดคุยกับกลุ่มแรงงานนอกระบบหลากหลายอาชีพ ในงาน “สมัชชาแรงงานนอกระบบ ประจำปี 2568”  จัดโดยสมาพันธ์แรงงานนอกระบบ (ประเทศไทย) ร่วมกับ มูลนิธิเพื่อการพัฒนาแรงงานและอาชีพ (Homenet Thailand) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่นิยมใช้คำว่าแรงงานนอกระบบ และทางกฤษฎีกาเองก็พยายามจะให้ใช้คำว่าแรงงานอิสระ ซึ่งในทางสากลก็เปลี่ยนไปใช้คำดังกล่าวแล้วเช่นกัน โดยแรงงานกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการคุ้มครอง เช่น มอเตอร์ไซค์รับจ้าง คนรับงานไปทำที่บ้าน ไรเดอร์ ซึ่งตนก็ไม่อยากใช้คำว่าไรเดอร์อีก เพราะเป็นชื่อของบริษัทเขา อยากใช้คำว่ามอเตอร์ไซค์รับจ้างไม่ว่าจะส่งอาหารหรือส่งคนก็ตาม อยากให้ทำความเข้าใจของคำที่ตรงกันก่อนเพื่อให้ครอบคลุม


ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานทำงานร่วมกับอีกหลายกระทรวง สสส. รวมถึงภาคเอกชน แต่หน่วยงานที่ทำงานแล้วมีความสัมพันธ์อย่างมาก คือกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) หรืออย่างประกันสังคมมาตรา 40 ก็จะเกี่ยวข้องกับกระทรวงสาธารณสุข เพราะสิทธิตาม ม.40 ไม่ครอบคลุมการรักษาพยาบาล แต่ก็มีเรื่องที่ทำได้ไม่ง่าย เช่น การให้ลูกจ้างทำงานบ้านเข้าประกันสังคมมาตรา 33  

“สมมติคนใช้ภายในบ้าน คือผู้รับใช้ภายในบ้าน ถามว่าเราจะเข้าไปในบ้านเขาได้อย่างไร? เป็นบ้านเดี่ยวอยู่ภายในหมู่บ้าน ซึ่งพวกเราไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไป มันก็ต้องทำความเจ้าใจกับเจ้าของบ้านหรือนายจ้าง ว่าถ้าจะเอาลูกจ้างบ้านคุณที่คุณจ้างมา 1 คน 2 คน 3 คน 4 คน หรือ 5 คน จะเข้าสู่ระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 ได้ไหม? ซึ่งตรงนี้เราต้องทำความเข้าใจแล้วก็หารือ โดยเฉพาะคนบ้านเดี่ยว ยิ่งหลังใหญ่เท่าไหร่ก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่เสียเยอะ การเข้าไปก็ไม่รู้จะไปถึงรั้วบ้านหรือเปล่า? ดีไม่ดีจะมีเพื่อนๆ 4 เท้าวิ่งออกมาหาเราก่อน อันนั้นสงสัยคงต้องวิ่งหนีกันพอสมควร แต่อะไรก็แล้วแต่เมื่อมีจุดเริ่มต้น มันก็ต้องมีจุดที่สรุปให้จนได้” นายพิพัฒน์ กล่าว

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าปัจจุบันเข้าใจมากขึ้น เพราะในอดีตเมื่อลูกจ้างที่บ้านเจ็บป่วย จะเข้าไปสู่สถานพยาบาลนั้นไม่ง่าย ต้องนำหลักฐานต่างๆ ไปแสดงให้โรงพยาบาลดู กรณีเป็นแรงงานต่างด้าวต้องเข้ามาอย่างถูกกฎหมาย  นายจ้างที่มาส่งกับนายจ้างตามที่แจ้งรับลูกจ้างคนดังกล่าวทำงานต้องตรงกัน แต่เมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องทำแบบเดียวกับสถานประกอบการโดยทั่วไป คือลูกจ้างกับนายจ้างส่งเงินสมทบฝ่ายละร้อยละ 5 ขณะที่รัฐสมทบอีกร้อยละ 2.5  

อีกกลุ่มหนึ่งที่ตนกังวลคือแรงงานในภาคเกษตร โดยหากเป็นแรงงานตามฤดูกาล ทำ 3-4 เดือนแล้วกลับบ้าน นายจ้างจ่ายสมทบตาม ม.33 ไม่ได้ แต่หากเป็นแรงงานที่อยู่ประจำทั้งปี แบบนี้จะเข้า ม.33 ได้ หรืออย่างแรงงานประมงก็เข้า ม.33 ได้ เพราะส่วนมากจ้างกันเป็นปี ทั้งนี้ แนวคิดเรื่องการนำลูกจ้างทำงานบ้าน แรงงานในภาคเกษตร รวมถึงอีกกลุ่มคือลูกจ้างในกิจการหาบเร่แผงลอยเข้าประกันสังคม ม.33 น่าจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงปลายปี 2568 และน่าจะประกาศใช้ได้ทันวันที่ 1 ม.ค. 2569   

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2568 เพจเฟซบุ๊ก “สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน - Social Security Office” ซึ่งเป็นเพจทางการของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ ระบุว่า

ประกันสังคมเตรียมเปิดรับฟังความคิดเห็น ขยายความคุ้มครองผู้ประกันตน ม.33 ครอบคลุมเพิ่มอีก 3 กลุ่มอาชีพ

สำนักงานประกันสังคม เปิดรับฟังความคิดเห็น “การขยายความคุ้มครองให้แก่นายจ้างและลูกจ้างที่ไม่อยู่ในบังคับตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม” ตามพระราชกฤษฎีกา กำหนดกิจการหรือลูกจ้างอื่นที่ไม่อยู่ในบังคับตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม พ.ศ. 2560 กำหนดลูกจ้างที่ไม่อยู่ในบังคับตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม เพื่อสร้างหลักประกันทางสังคม และยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงาน 3 กลุ่มอาชีพ

นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า การเปิดรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ เกี่ยวกับการขยายความคุ้มครองให้กับ 3 กลุ่มอาชีพ ได้เข้าสู่ระบบประกันสังคมมาตรา 33 ได้แก่

1) กลุ่มลูกจ้างในกิจการเพาะปลูก ประมง ป่าไม้ และเลี้ยงสัตว์

2) กลุ่มลูกจ้างในครัวเรือนในฐานะที่เป็นนายจ้างส่วนบุคคลเช่น แม่บ้าน ผู้ประกอบอาหาร คนรับใช้ส่วนตัวหัวหน้าผู้รับใช้ คนซักรีด คนสวน คนเฝ้าประตู ผู้ดูแลสัตว์เลี้ยง คนขับรถ คนเฝ้าบ้าน

3) กลุ่มลูกจ้างในกิจการค้าแผงลอยที่มีที่ตั้ง มีเลขที่แผงชัดเจน และมีการทำสัญญาเช่า เช่น สัญญาเช่าแผงกับตลาด สัญญาเช่าแผงกับศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้า เป็นต้น

ทั้งนี้ ลูกจ้างทั้ง 3 กลุ่มอาชีพที่ได้รับขยายความคุ้มครอง จะสามารถเข้าถึงสิทธิประกันสังคม เป็นการสร้างหลักประกันในการดำรงชีวิตอย่างเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นการได้รับการรักษาหากเจ็บป่วย รวมถึงมีสิทธิได้รับเงินชดเชยกรณีต่างๆ เช่น เงินค่าคลอดบุตร เงินสงเคราะห์บุตร เงินบำนาญชราภาพ เงินว่างงาน เงินทดแทนทุพพลภาพ และเงินกรณีตาย เป็นต้น ด้านนายจ้างนอกจากจะลดความกังวลในกรณีที่ลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยแล้ว ยังเป็นการสะท้อนถึงการดูแล และความรับผิดชอบของนายจ้างต่อลูกจ้างอีกด้วย

ขอบคุณเรื่องจาก

https://www.facebook.com/photo?fbid=937522688553895&set=a.243317304641107&locale=th_TH

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

https://www.naewna.com/local/859997 ‘เข้าม.33ประกันสังคม-ตั้งสหภาพ’ แก้กฎหมายให้สิทธิ์‘ลูกจ้างทำงานบ้าน’เกิดไม่ง่าย

043...

 

 

 

 

 

 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top