วันที่ 20 ตุลาคม 2568 ชมรมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ชมรมโรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไป ชมรมโรงพยาบาลสถาบันกรมการแพทย์ และ คณะกรรมการโรงพยาบาลในกลุ่ม สถาบันแพทย์แห่งประเทศไทยหรือ ยูฮอสเน็ต (Uhosnet) เตรียมประสานขอเข้าพบและยื่นหนังสือถึง นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บอร์ดสปสช.)
พร้อมทั้งร่วมลงนามในจดหมายเปิดผนึก เรื่อง ขอความเป็นธรรมให้หน่วยบริการภาครัฐ
สืบเนื่องจากการบริหารจัดการงบผู้ป่วยในของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีปัญหากระทบต่อสถานการณ์การเงินของโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศมาตลอด ทั้งปัญหาการกำหนดอัตราจ่ายเพียง 8,350 บาทต่อ 1 น้ำหนักสัมพัทธ์ ซึ่งต่ำมาก เพียฃ 63%ของต้นต้นทุน (ต้นทุนที่มีการวิจัยเมื่อ 5 ปีที่แล้ว คือ 13,240 บาทต่อ 1 น้ำหนักสัมพัทธ์) และยังมีการเรียกเงินที่จ่ายไปแล้วคืน ตอนปลายปีงบประมาณมาณ 2 ปีงประมาณปี 2568 ทางสปสช.ได้ยอมรับในหลักการที่จะคงอัตราจ่ายที่ 8,350 บาท และมีการเสนอ
ของบกลางจากรัฐบาลมาแก้ปัญหาบไม่เพียงพอเนื่องจากมีผู้มารับบริการมากเกินกว่าที่คาดการณ์
แต่เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 ทางสปสช.ได้จัดส่งยอดงบผู้ป่วยในตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2568ถึง 15 กันยายน 2568 ถึงทุกโรงพยาบาล แต่กลับมีการดำเนินการขัดกับที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ตกลงไว้ทั้งในที่ประชุมทุกคณะ และทั้งในสื่อสาธารณะต่างๆ โดยมีการคำนวนย้อนกลับ Rerunตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2567ถึง 31 กรกฎาคม 2568ส่งผลให้อัตราจ่ายลดลงเหลือไม่ถึง 7,000 บาทต่อ 1 น้ำหนักสัมพัทธ์ในหลายโรงพยาบาล และมีการดึงเงินคืนจำนวนมากในทุกโรงพยาบาล
นอกจากนั้นสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติยังมีการนำผลตรวจสอบคุณภาพเวชระเบียนมาขยายผล 33 เท่าเพื่อหักเงินเพิ่มจากโรงพยาบาลอีกด้วย
หน่วยบริการสาธารณสุข จึงขอเรียกร้องต่อท่านให้ช่วยดำเนินการดังต่อไปนี้
-ยกเลิกการนำผลตรวจสอบเวชระเบียนมาขยายผล 33 เท่า เพื่อหักงบผู้ป่วยในของทุกโรงพยาบาล
-ยกเลิกการคำนวณย้อนกลับ Rerun แล้วหักเงินคืนจากโรงพยาบาล โดยกรณีที่งบผู้ป่วยในไม่เพียงพอให้สปสช.บันทึกเป็นลูกหนี้ของโรงพยาบาลแทน เมื่อได้รับงบประมาณเพิ่มเติมให้รีบดำเนินการชำระหนี้ดังกล่าวให้โรงพยาบาลทันที
อนึ่ง การบริหารจัดการงบผู้ป่วยในนั้น ปัจจุบันเป็นการบริหารแบบงบปลายปิดอยู่แล้ว โดยคำนวณจ่ายในอัตราเดียวแบบกลุ่มโรค(DRG)ไม่ว่าโรงพยาบาลจะใช้ยา เทคโนโลยีการรักษา มากน้อยเท่าใดก็ตาม จึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะบริหารงบปลายปิดแบบซ้ำซ้อนอีก
ขณะที่ นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก Veerapun Suvannamai ระบุว่า 4 องค์กรแพทย์ลุยแล้ว! ถ้าไม่จบผมและเพื่อน สว. จะยื่นญัตติอภิปรายในสภาต่อไป
ชมรมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ชมรมโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไป ชมรมโรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ และเครือข่ายสถาบันแพทย์แห่งประเทศไทย (Uhosnet) โดยทั้งหมดได้ร่วมลงนามในจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรี ขอให้ทบทวนการบริหารงบผู้ป่วยในของ สปสช.
จุดปัญหาหลักคืออัตราจ่ายค่ารักษาผู้ป่วยในที่กำหนดไว้เพียง 8,350 บาทต่อหนึ่งน้ำหนักสัมพัทธ์ ซึ่งคิดเป็นเพียง 63 เปอร์เซ็นต์ของต้นทุนจริงที่เคยวิจัยไว้กว่า 13,000 บาท และล่าสุดยังมีการคำนวณย้อนหลังเพื่อลดอัตราจ่ายเหลือไม่ถึง 7,000 บาท พร้อมเรียกเงินคืนจากโรงพยาบาลทั่วประเทศ
นอกจากนี้ยังมีการนำผลตรวจเวชระเบียนบางส่วนมาขยายผลถึง 33 เท่าเพื่อหักเงินเพิ่มจากโรงพยาบาล ซึ่งทุกฝ่ายเห็นว่าเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ที่ย่ำแย่อยู่แล้ว
องค์กรแพทย์เรียกร้องให้ยกเลิกการขยายผลตรวจเวชระเบียน 33 เท่า ยกเลิกการคำนวณย้อนหลัง และหากงบไม่เพียงพอให้ สปสช. บันทึกเป็นลูกหนี้ของโรงพยาบาลแทน พร้อมชำระทันทีเมื่อได้รับงบเพิ่มเติม
โรงพยาบาลจำนวนมากกำลังเผชิญภาวะการเงินวิกฤต หากยังคงบริหารงบในลักษณะนี้ต่อไป อาจกระทบต่อความมั่นคงของระบบบริการสาธารณสุขทั้งประเทศ
ผมและเพื่อนสมาชิกวุฒิสภาหลายท่านยังคงรอดูว่าท่านรัฐมนตรีจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร?
หากไม่มีการดำเนินการใดๆ เพื่อหาทางออกที่ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
ผม และ สว.รัชนีกร ทองทิพย์ เป็นอาทิและ สว. ท่านอื่นๆ จะขอยื่นญัตติอภิปรายในสภาต่อไป
นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย
สมาชิกวุฒิสภา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี