พบ 3 ศพ พ่อแม่ลูก ยัดใส่รถกระบะ ทิ้งไว้บ้านร้างริมถนน ตร.เชื่อฆ่าอำพราง
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 พนักงานสอบสวน สภ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบรถกระบะถูกคลุมผ้าขาว ส่งกลิ่นเหม็นจอดอยู่ภายในบ้านร้างริมถนนพหลโยธิน (ขาขึ้น) พื้นที่ ม.10 ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครกู้ภัยสว่างกำแพงเพชรจุดคลองขลุง ที่เกิดเหตุเป็นบ้านร้างห่างจากถนนประมาณ 25 เมตร ภายในพื้นที่ดังกล่าวมีบ้าน 2 หลัง เป็นบ้านไม้ยกพื้นสูงหนึ่งหลังและบ้านปูนชั้นเดียวหนึ่งหลัง บริเวณด้านหน้าบ้านปูนชั้นเดียว พบรถกระบะ 4 ประตู (สีขาว) จอดคุมผ้าขาว มีแมลงวันตอมและส่งกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานกำแพงเพชร ได้เข้าตรวจสอบภายในรถบริเวณที่นั่งข้างคนขับพบศพแม่กับลูก โดยผู้เป็นแม่นั่งกอดศพลูกอยู่ ขณะเดียวกันเบาะหลังคนขับพบศพของผู้เป็นพ่ออยู่ในลักษณะนอนเหยียดยาว โดยทั้ง 3 ศพ มีสภาพเน่าเปื่อยและเริ่มแห้ง เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนนำร่างทั้ง 3 ศพ ออกมาจากภายในรถ โดยได้นำศพของลูกชายออกมาก่อน จากนั้นเป็นศพแม่ และศพผู้เป็นพ่อ เพื่อทำการเก็บหลักฐานทั้งหมด โดยยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าว่าทั้ง 3 ศพ เสียชีวิตด้วยสาเหตุอะไร และเสียชีวิตจุดนี้หรือไม่ หรือถูกนำมาอำพรางไว้ที่บ้านหลังดังกล่าว
ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังทำการตรวจสอบนั่นบริเวณกระจกด้านหน้าซ้ายพบหัวกระสุนปืนไม่ทราบขนาดตกอยู่ภายในรถ จำนวน 1 นัด เจ้าหน้าที่ได้เก็บไว้ตรวจสอบ จากนั้นจึงนำร่างทั้งสามออกมาจากรถเพื่อตรวจสอบก่อนจะส่งพิสูจน์ หาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยเบื้องต้นทราบว่าทั้ง 3 คน นายวงศกร อายุ 37 ปี ,น.ส.นันทกานต์ อายุ 35 ปี ,ด.ช.เอ อายุ 7 ปี เป็นพ่อแม่ลูกครอบครัวเดียวกัน โดยครอบครัวนี้ประกอบธุรกิจส่วนตัวขายเสื้อผ้า ให้เช่าเครื่องเสียง เครื่องไฟตามงาน และปล่อยเงินกู้นอกระบบ โดยทั้ง 3 คนได้หายตัวไป เมื่อวันที่ 12 ม.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งครอบครัวและญาติไม่สามารถติดต่อได้ จึงประกาศตามหาทางโซเชียลมาตลอดพร้อมแจ้งบุคคลสูญหายไว้ที่ สภ. คลองขลุง
จากการสอบถามผู้พบศพ นายโอภาส อายุ 29 ปี เล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วงเวลา 11:00 น. ตนได้มายามหนูในบริเวณดังกล่าวแล้วได้กลิ่นเหม็นเน่า จึงเดินเข้าไปดู พบรถกระบะคันดังกล่าวจอดคลุมผ้าทิ้งไว้ จึงเปิดผ้าคลุมแง้มดูป้ายทะเบียนรถ ก็จำได้ว่าเป็นรถคันเดียวกันกับที่ประกาศตามหาพร้อมคนที่หายไป ตนจึงได้กลับไปที่บ้านและโทรหาครอบครัวญาติผู้เสียชีวิตให้มาตรวจสอบรถคันดังกล่าว ซึ่งญาติผู้เสียชีวิตก็ยืนยันว่าเป็นบุคคลและรถที่หายไปจริง จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ
สอบถาม นางสำเนา อายุ 59 ปี (เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว) เล่าว่า บ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่มานานนับ 10 ปีแล้ว ซึ่งเป็นบ้านของลูกชายตนเอง เหตุที่ไม่มีคนอยู่เพราะ มีน้ำท่วมเป็นประจำจึงต้องย้ายออกไปอยู่ที่อื่น เมื่อช่วงหลังปีใหม่ตนก็ยังเข้ามาดูบ้านอยู่ ก็ไม่พบรถกระบะคันดังกล่าว จากนั้นก็ไม่ได้เข้ามาอีกเลย จนกระทั่งมีคนโทรบอกว่าพบศพและรถกระบะ
สอบถาม นายสุพัฒน์ อายุ 42 ปี (ลูกพี่ลูกน้องของคนตาย) เล่าว่า “ ปกติผู้ตายประกอบอาชีพขายเสื้อผ้า และให้เช่าเครื่องไฟเครื่องเสียงตามงานต่างๆ และยังปล่อยเงินกู้นอกระบบ รวมทั้งมีการตั้งวงแชร์ร่วมกับผู้อื่นด้วย ซึ่งได้หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา โดยได้ประกาศตามหาและเข้าแจ้งความกับตำรวจจนวันนี้มาพบรถกระบะและศพอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งตนก็ได้พยายามไล่กล้องวงจรปิดหาเบาะแสแต่ก็ยังไม่พบ ซึ่งก็มีบางคนเห็นว่าได้มีการออน Facebook และโทรติดแต่ไม่มีใครรับ ซึ่งมีปัญหากับใครหรือไม่นั้นตนไม่ทราบเลย จนมีคนดักหนูมาเจอรถตนเลยรีบมาดู
ขณะที่ “พล.ต.ต.โอภาส คงเมือง” ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอนก จันทร์ศร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร พ.ต.อ.นเรศ พูลหน่าย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร และ พ.ต.อ.รัฐศรัณย์ เกตุสิงห์สร้อย ผู้กำกับ สภ. คลองขลุง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และกำลังประชุมที่ สภ.คลองขลุง เพื่อติดตามสืบหาเบาะแสทางคดีโดยเบื้อต้นเชื่อว่าน่าจะเป็นการฆ่าอำพรางศพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี