ครอบครัว‘น้องไอ’แจ้งความดำเนินคดี เผยมี‘ตำรวจ’เสนอ 2 แนวทางคดี
16 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ สน.โชคชัย น.ส.เสาวนีย์ แม่ของ น.ส.ไอรดา หรือ “น้องไอ” อายุ 22 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด พร้อมพี่สาว เดินทางมายัง สน.โชคชัย เพื่อแจ้งความดำเนินและเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับลูกสาว หลังจากที่ไปรับงานจากโมเดลลิ่งรายหนึ่ง ให้ไปดูแลลูกค้าชาวจีน โดยระบุลักษณะงานว่าจะต้องมีการเสพสารเสพติด กระทั่งเวลาต่อมาพบ “น้องไอ” เสียชีวิตปริศนาภายในโรงแรมย่านบางกะปิ เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิดไทม์ไลน์‘หนุ่มจีน’บังคับ‘เด็กเอน’อัพยาดับ นครบาลเร่งล่าตัว ประสาน ตม.สกัด)
พี่สาวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนและครอบครัวเพิ่งทราบว่าน้องรับงานแบบนี้ตอนที่ตำรวจโทร.มาแจ้งว่าพบศพ ซึ่งที่ผ่านมารู้ว่าน้องทำงานประจำอยู่ที่บริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นงานพาร์ทไทม์ โดยน้องมีปัญหาส่วนตัวและได้เลิกกับแฟนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 จากนั้นได้ย้ายมาอยู่คนเดียวที่หอ และมีการโทร.มาขอเงินที่บ้านบอกว่าจะนำไปจ่ายค่าหอ แต่ทางบ้านไม่มีให้ อย่างไรก็ตามส่วนตัวเชื่อว่าน้องรับงานนี้เป็นครั้งแรก เพราะก่อนเสียชีวิตน้องอยู่กับตนที่ จ.ร้อยเอ็ด และไม่มีอาการของคนติดยาหรือพูดถึงงานดังกล่าว รวมถึงที่ผ่านมาก็ไม่มีพฤติกรรมเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
พี่สาวของ “น้องไอ” กล่าวว่า คืนวันที่ 10 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 01.30 น. น้องบอกกับแฟนคนปัจจุบันว่าจะออกไปทำงาน แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นงานอะไร ส่วนเหตุผลที่ครอบครัวรีบทำพิธีฌาปนกิจนั้น เนื่องจากไม่มีเงิน จึงได้ไปกู้ยืมมา ประกอบกับทางวัดได้ช่วยเหลือบางส่วน จึงจัดงานศพให้น้องเพียงวันเดียว และเผาไปเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
เมื่อถามว่าครอบครัวยังติดใจสาเหตุการเสียชีวิตหรือไม่ ทางพี่สาว ระบุว่า ติดใจตรงที่เพื่อนน้องบอกว่าน้องไม่เคยเล่นยาหรือรับงานแบบนี้มาก่อน แต่ครอบครัวไม่มีหลักฐานที่จะยืนยันว่าน้องไม่เล่นยาเพราะหลักฐานทั้งหมดอยู่ในห้องเกิดเหตุและอยู่ตำรวจทั้งหมด เบื้องต้นอยากได้หลักฐานของน้องคืนทั้งหมด เช่น โทรศัพท์มือถือ ซึ่งเคยขอไปแล้ว แต่ทางตำรวจแจ้งว่ายังให้ไม่ได้ต้องรอคดีสิ้นสุดก่อน
พี่สาวของ “น้องไอ” ยอมรับว่า มีการประสานจะเยียวยาให้ครอบครัวเพื่อจบเรื่อง โดยรอบแรกเป็นโมเดลลิ่งคนที่ 1 โทร.ติดต่อมาบอกว่าทางฝ่ายชายต้องการเยียวยาค่าทำศพ 100,000 บาท แต่แนะนำให้เรียกเพิ่ม ซึ่งฝ่ายชายจะส่งทนายมาเป็นตัวแทน จากนั้นมีโมเดลลิ่งที่ 2 ติดต่อมาอีกในข้อเสนอเดิม แต่เพิ่มเป็น 200,000 บาท ซึ่งตนยังไม่ได้ตอบรับข้อเสนอ และยังไม่ได้รับเงินแม้แต่บาทเดียว
พี่สาวของผู้เสียชีวิต กล่าวอีกว่า มีตำรวจพูดถึงเรื่องเงินเยียวยาทำนองว่ามีให้เลือก 2 ทาง คือ ให้รับเงินเยียวยา โดยตำรวจจะเป็นตัวกลางเสนอที่ 500,000 บาท หรือจะไม่รับ และไปสู้ในชั้นศาล ซึ่งน้องที่เสียชีวิตเป็นคนรับงานเองก็ถือว่ามีส่วนผิด อีกฝั่งอาจจะไม่ต้องเยียวยาก็ได้ ต่อให้สู้ก็ไม่มีสิทธิที่จะชนะคดี
ทั้งนี้ เพิ่งทราบเมื่อวาน (15 ก.พ.68) ว่าโมเดลลิ่งมีแฟนเป็นตำรวจ และรู้จักกับตำรวจที่รับเรื่องคดี จึงรู้สึกแปลกๆเพราะเรื่องเงียบ จึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ทำให้วันนี้ตนออกมาเพื่อจะสู้และยืนยันจะดำเนินคดีจนถึงที่สุด เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับน้องสาว
ขณะที่แม่ของ “น้องไอ” ระบุว่า มีพยาน 4 คน ที่เป็นเพื่อนกับลูกสาว บอกว่าลูก Overdose หรือเสพยาเกินขนาด เสียชีวิต และน้องเสพยาเป็นปกติ ตนเองไม่ปักใจเชื่อ จึงโทร.หาเพื่อนของลูกสาวอีกคนหนึ่ง เขายืนยันว่าลูกสาวไม่ได้เสพยาเสพติดอย่างแน่นอน จึงทำให้มั่นใจได้อย่างแน่นอนว่าลูกสาวตนเองไม่เคยเสพยาเสพติด หรือรับงานเพื่อยาเสพติด ต่อมาตนมารับใบแจ้งตายที่ สน.โชคชัย ตอนนั้นยังไม่ทราบว่าลูกสาวเสียชีวิตจากสาเหตุอะไร
ในระหว่างที่อยู่ที่ สน.โชคชัย ปรากฏว่ามีนายตำรวจนายหนึ่งเข้ามาพูดคุย วินาทีนั้นตนมีความรู้สึกว่าอุ่นใจ เพราะลูกสาวจะได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากมีตำรวจใน สน. บอกว่านายตำรวจคนที่มาพูดคุยคนนี้เก่ง จะสามารถช่วยเหลือคุณแม่ได้ แต่พอเชิญเข้าไปพูดคุยข้างในห้อง นายตำรวจคนนี้กลับบอกแม่ว่ามีพยานหลักฐานว่าลูกสาวตนเองเสพยาเสพติดหนักมาก โดยมีพยานแวดล้อมที่เป็นเพื่อนอีก 4 คนที่ยืนยันเรื่องนี้ ตอนนั้นตนยังไม่รู้ว่าเพื่อน 4 คนนั้นเป็นใครบ้าง แต่ตำรวจอ้างว่าเพื่อนทั้ง 4 คน บอกว่าลูกสาวของตนเล่นยามานานแล้ว
ตำรวจนายนั้นจึงยื่นข้อเสนอให้ตนเอง 2 ทาง แนวทางแรกครอบครัวไม่ติดใจในการตายของลูกสาว จึงไม่ติดใจจะเอาความ ทางตำรวจจะคืนทรัพย์สินของลูกสาวให้ทั้งหมด แล้วจะทำเรื่องให้ได้รับเงินชดเชยเยียวยาจากการเสียชีวิต ส่วนแนวทางที่ 2 คือจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ตอนนั้นตนเข้าใจว่าสาเหตุการตายของลูกสาวเกิดจากการเล่นยาหนักเกินขนาดแล้วช็อก เพราะว่าตนเองยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกแนวทางไหน
จนกระทั่งมาปรึกษากับครอบครัวได้ข้อสรุปว่าหากต่อสู้คดีต่อไปมีสิทธิแพ้ เนื่องจากต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการขึ้นศาลอีกเยอะ มองว่าในเมื่อลูกสาวเสียชีวิตไปแล้ว ได้เงินค่าเยียวยาก็ยังดี อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับเงินจากใครทั้งสิ้น เพราะยังไม่ตอบตกลงในแนวทางใดแนวทางหนึ่ง
ส่วนเรื่องเงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ และไม่เคยตกลงข้อเสนอจากใครที่มีการหยิบยื่นเงินให้ ตอนนั้นยังเชื่อมั่นในตำรวจในนี้ว่าจะสามารถทำคดีให้กระจ่างได้ ยอมรับว่าก่อนหน้านี้มีนายตำรวจมาบอกกับทางครอบครัวว่าไม่ให้ข่าวกับสื่อมวลชน แต่เป็นการพูดลักษณะปกติ ไม่ใช่การข่มขู่ แต่พอตนเองเห็นพยานหลักฐานและได้รับข้อมูลจากเพื่อนลูกสาว คิดว่าอย่างไรก็พร้อมที่จะเป็นข่าว เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกสาว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี