โวย 'ครูปรีชา' ค้างค่าเช่าบ้านทำร้านอาหารทรัพย์น้ำ-ไฟถูกตัด ครูยันทำตามสัญญา

โวย 'ครูปรีชา' ค้างค่าเช่าบ้านทำร้านอาหารทรัพย์น้ำ-ไฟถูกตัด ครูยันทำตามสัญญา

วันจันทร์ ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568, 13.04 น.

เจ้าของบ้านร้อง "ครูปรีชา" เช่าบ้านเปิดเป็นร้านอาหาร พอหมดสัญญาย้ายออกไม่ยอมจ่ายค่าเช่า แถมค้างค่าไฟฟ้าจนถูกตัดไฟ  แถมบ้านพังเละพยายามติดต่อขอเคลียร์แต่ไม่ยอม คุยด้วย ด้าน "ครูปรีชา" ยืนยัน ทำตามสัญญาเช่า พร้อมสู้คดีในชั้นศาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากนางพิมลวรรณ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 57 ปีว่าถูกนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา เข้ามาขอเช่าบ้านเพื่อเปิดเป็นร้านอาหาร แต่สุดท้ายพอหมดสัญญากลับไม่ยอมจ่ายค่าเช่า แถมค้างค่าน้ำค่าไฟฟ้า จนถูกตัดไฟ อีกทั้งทรัพย์สินเดิมที่เคยอยู่ภายในบ้านก็หายเกลี้ยง แถมสภาพบ้านพังเละเทะไม่มีชิ้นดี


โดยนางพิมลวรรณ ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ครูปรีชา ได้มาติดต่อขอเช่าบ้านหลังที่ตนเองเคยอยู่อาศัยในพื้นที่หมู่ 3 ตำบลปากแพรก อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นบ้านสวนขนาดใหญ่เนื้อที่ 2 ไร่เศษ โดยเริ่มทำสัญญาเช่ากันตั้งแต่ปี 2560 ในราคาเดือนละ 5,000 บาท แรกเริ่มทำสัญญากันครั้งละ 3 ปี ซึ่งก็มีการต่อสัญญากันเรื่อยมา กระทั่งเมื่อปี 66 ตนเห็นว่าการทำสัญญา 3 ปีนั้นนานเกินไป จึงเปลี่ยนมาทำสัญญาเช่าแบบปีต่อปี กระทั่งสัญญาเช่ามาหมดอายุลงในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 นี้ ซึ่งก็ได้มีการพูดคุยกับครูปรีชา และครูปรีชาขอเวลาย้ายของออกจากบ้านหลังดังกล่าวจนถึงช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

แต่เมื่อครูปรีชาย้ายของออกไป และตนได้เข้ามาดูสภาพบ้านที่ให้กับครูปรีชาเช่าไปเปิดร้านอาหารนั้น ตนถึงกับตกใจเข่าแทบทรุด เนื่องจากพบว่าสภาพบ้านที่เคยให้ครูปรีชาเช่าไปในสภาพสมบูรณ์ กลับมีสภาพชำรุดทรุดโทรม และสกปรกอย่างมาก เริ่มตั้งแต่บริเวณด้านหน้าบ้าน ที่เคยเป็นลานจอดรถเนื้อที่กว้างขวาง ก็มีการมาขุดพื้นที่เพื่อทำเป็นบ่อปลาขนาดเล็ก แต่พอครูปรีชาย้ายออกก็ไม่ได้ นำดินมาถมกลับให้เป็นเหมือนในสภาพเดิม แถมยังมีการนำเอาเศษขยะต่างๆ มากองทิ้งไว้ในบ่อดังกล่าวจนมีสภาพสกปรก พื้นที่ด้านข้างบ้านที่เคยเป็นพื้นที่เดินเล่นพักผ่อนก็ถูกขุดเพื่อทำเป็นร่องน้ำขนาดใหญ่ แถมยังมีการนำเอาเศษใบไม้ซากกิ่งไม้แห้งมากองทิ้งไว้จำนวนมาก และไม่มีการนำดินมาถมกลับให้กลายเป็นสภาพเดิม สภาพห้องครัวก็อยู่ในสภาพสกปรก คล้ายกับไม่เคยทำความสะอาดดูดควัน

ที่สำคัญบ้านหลังนี้ยังถูกค้างค่าเช่าอีก 1 เดือน รวมถึงยังค้างค่าไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอีก 2 เดือน รวมเป็นจำนวนเงินกว่า 4,000 บาท จนถูกตัดไฟไปในที่สุด ส่วนสภาพภายในบ้าน นางพิมลวรรณ ยืนยันว่า ในตอนที่ครูปรีชามาติดต่อขอเช่าบ้านกับตนนั้น สนใจบอกกับครูปรีชา ไว้ว่าขอแบ่งห้องไว้ 1 ห้องเพื่อไว้เก็บทรัพย์สินของตนเองที่ไม่ได้ขนออกไป โดยตนได้เก็บห้องดังกล่าวไว้สำหรับใช้เก็บเสื้อผ้า จานชาม พัดลม และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ โดยตนได้ล็อคกุญแจเอาไว้อย่างดี แต่ปรากฏว่า เมื่อครูปรีชาย้ายออกไป ห้องดังกล่าวกลับถูกงัดประตูจนพัง และข้าวของที่อยู่ภายในห้องก็ถูกขนออกไปจนหมด

ที่ผ่านมา ตนพยายามติดต่อเพื่อขอพูดคุยกับครูปรีชาถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวบ้านและเรื่องของค่าไฟที่ค้างอยู่ แต่ครูปรีชาก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด จนตนเองตัดสินใจเดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามขอให้ครูปรีชามาพูดคุยตกลงกับตนเองที่สถานีตำรวจ แต่ครูปรีชาก็ไม่ยอมมา โดยอ้างติดธุระต่างๆ ทำให้ตนเองเครียดไม่รู้จะหาทางออกกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร จึงตัดสินใจนำเรื่องดังกล่าวให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวได้รับฟัง เพื่อหวังให้ครูปรีชาออกมารับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น

นางพิมลวรรณ ยอมรับว่า ตอนที่ให้ครูปรีชาเช่าบ้านหลังดังกล่าวไปเปิดเป็นร้านอาหารนั้น ยอมให้เช่าด้วยความไว้ใจ เพราะครูปรีชาพูดกับตนด้วยคำว่าเพื่อนทุกคำ และรับปากว่าจะดูแลบ้านของตนอย่างดี แต่สุดท้าย กลับเหมือนกันฝากแมวไว้กับปลาย่าง บ้านของตนพังเสียหาย ครูปรีชา ก็ไม่เคยออกมารับผิดชอบใดๆ ตนจึงอยากเรียกร้องให้ครูปรีชา ออกมารับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นและมาเจรจาตกลงกับตนให้เรียบร้อย

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อหาครูปรีชา โดยครูปรีชา อ้างว่า ไม่อยู่ในพื้นที่เนื่องจากกำลังเดินทางไปติดต่อธุระที่กรุงเทพฯ เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงประเด็นดังกล่าวทางครูปรีชายอมรับว่า ได้มีการเช่าบ้านหลังดังกล่าวกับนางพิมลวรรณจริง แต่ตนไม่ได้ขโมยเอาทรัพย์สินของนางพิมลวรรณที่อยู่ในห้องดังกล่าวไปอย่างที่ถูกกล่าวอ้าง อีกทั้งในสัญญาเช่าบ้านก็ไม่ได้มีระบุไว้ว่านางพิมลวรรณ เก็บรักษาทรัพย์สินรายการใดๆ เอาไว้ในห้องดังกล่าว 

ส่วนเรื่องของสภาพบ้านที่ชำรุดทรุดโทรมนั้น ครูปรีชายืนยันว่าที่ผ่านมามีการซ่อมแซมมาอย่างต่อเนื่อง แต่อยู่อาศัยมานานบ้านก็ต้องทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ส่วนที่ไม่ยอมถมบ่อปลานั้นก็เป็นเพราะ นางพิมลวรรณนำกุญแจมาล็อคประตูบ้าน จนตนไม่สามารถเข้าไป ดำเนินการใดๆ ได้

ครูปรีชายังยืนยันอีกว่า ไม่ได้ทำผิดสัญญาเช่าใดๆ และหากนางพิมลวรรณ จะแจ้งความดำเนินคดีกับตน ตนเองก็พร้อมต่อสู้คดีในชั้นศาล และจะฟ้องนางพิมลวรรณกลับด้วย
 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top