รวบแก๊งโจรแสบ!! ใช้มอเตอร์ไซค์ ‘ขนทีวี-ตู้เย็น-เครื่องซักผ้า’ อ้าง!ไม่รู้-คิดว่าไม่มีเจ้าของ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.  สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี พ.ต.ท.ภาสกร ไชยทวีวงศ์ รอง ผกก.สส.พร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวน ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายเกษมพันธ์ อายุ 37 ปี , นายนเรศ อายุ 28 ปี และ นาย ปิยะวัฒน์ อายุ 22 ปี พร้อมของกลาง เครื่องซักผ้า 1 เครื่อง , ตู้เย็น 1 ตู้ , โทรทัศน์ 1 เครื่อง , แอร์ 1 เครื่อง , รถ จยย.ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงินดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน และเสื้อผ้าที่สวมใส่วันก่อเหตุ โดยสามารถจับกุมนายเกษมพันธ์ ได้ที่บ้านเช่า ซอยนนทบุรี 14 ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี ส่วนนายนเรศ และนายปิยะวัฒน์ จับกุมได้ที่ห้องเช่า ซอยนนทบุรี 8 ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 มี.ค.2568 ได้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ ว่ามีคนร้ายก่อเหตุงัดประตูด้านหลังตึกแถว ซอยรัตนาธิเบศร์ 28 ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี ตั้งแต่ช่วงวันที่ 22 ก.พ. ถึง 5 มี.ค. คนร้ายได้ลักทรัพย์ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น แอร์ และโทรทัศน์

หลังเกิดเหตุ ตำรวจชุดสืบสวนได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดใกล้ที่เกิดเหตุพบคนร้าย 3-4 คน งัดด้านหลังตึก ก่อนขับรถมอเตอร์ไซค์ไปจอด โดยรอบแรกขน เครื่องซักผ้า รอบสอง ขน ตู้เย็น และทีวีขนาด 43 นิ้ว ขนาด 55 นิ้ว หลบหนีไป ต่อมาตำรวจได้สืบสวนจนรู้ตัวคนร้ายทั้งหมดจึงติดตามไปจับกุมตัวเอาไว้ได้ ส่วนนายตี๋ ไหวตัวทันหลบหนีไปได้ 

ภาพจากกล้องวงจรปิดวันที่ 26 ก.พ. เวลา 03.46 น.คนร้าย 3 คน ช่วยกันขนเครื่องซักผ้าขึ้นรถ จยย.หลบหนี ไปตามเส้นทางจนไปถึงซอยบ้านคนร้าย ซึ่งอยู่ห่างที่เกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร

นายนเรศ หนึ่งในผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า นายตี๋ ได้มาบอกว่า เข้าไปลักสายไฟฟ้าที่ตึกหลังหนึ่งในซอยรัตนาธิเบศร์ 28 และยังมีเครื่องซักผ้า ตู้เย็น โทรทัศน์ ไม่มีเจ้าของให้พวกตนไปขนได้เลย ตนกับนาย ปิยะวัฒน์ และนายเกษมพันธ์ นายตี๋ ไปช่วยกันขน รอบแรกได้ขนเครื่องซักผ้า รอบสองขนตู้เย็น รอบสามขนทีวี และทยอยเข้าไปขนเรื่อยมา ตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ. ก่อนหน้านี้นายตี๋ กับนายเกษมพันธ์ ได้ไปขนทีวี จำนวน 2 เครื่อง แอร์ 1 ตัว ซึ่งตนได้นำมาใช้เองที่ห้องพัก ไม่ทราบว่าของดังกล่าวมีเจ้าของ เพราะนายตี๋ บอกว่าเป็นของจากบ้านไฟไหม้

หลังสอบสวน จึงแจ้งข้อหา ‘ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นเพื่อคุ้มครองทรัพย์ หรือบุคคล โดยใช้ยานพาหนะเพื่อพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อสะดวกแก่การหลบหนี หรือให้พ้นการจับกุม’ จากนั้นนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ///-026