งานวิจัยล่าสุดจาก Madre Brava เรื่อง “อุตสาหกรรมปศุสัตว์กับ PM2.5 : ตัดไฟแต่ต้นลมด้วยการผลิตโปรตีนที่หลากหลาย”ที่จัดทำร่วมกับ Asia Research and Engagement พบว่า “การเผาเพื่อการเกษตรอาจเป็นสาเหตุให้เกิดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรในประเทศไทยมากกว่า 34,000 รายต่อปี” และหากอุตสาหกรรมนี้เติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ จำนวนผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรที่เกี่ยวข้องกับการเผาตอซังข้าวโพดเพียงเลี้ยงสัตว์อย่างเดียวอาจสูงถึง 361,000 ราย ในช่วงระหว่างปี 2563- 2593 แต่หากไทยเริ่มสร้างความหลากหลายของแหล่งโปรตีนจะสามารถลดอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากการเผาตอซังข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้มากกว่า 100,000 ราย ภายในปี 2050
วิชญะภัทร์ ภิรมย์ศานต์ ผู้อำนวยการ Madre Brava ระบุว่า รายงานฉบับนี้เผยให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างการผลิตเนื้อสัตว์และอาหารทะเลกับปัญหามลพิษฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ซึ่งมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสุขภาพของประชาชนไทย โดยแหล่งกำเนิดหนึ่งของฝุ่นละอองขนาดเล็กนี้มาจากกระบวนการผลิตอาหารสัตว์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมปศุสัตว์ที่มีความต้องการสูงในตลาดทั้งในและต่างประเทศ
“รายงานฉบับนี้เน้นการศึกษาถึงผลกระทบที่รุนแรงของการเกษตรปศุสัตว์โดยเฉพาะการเผาตอซังข้าวโพดที่ปลูกเพื่อผลิตอาหารสัตว์ ซึ่งส่งผลต่อการเพิ่มระดับมลพิษทางอากาศในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งที่มีการเผาข้าวโพดจำนวนมากเพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการเพาะปลูกใหม่ ผลกระทบจากการเผาตอซังข้าวโพดที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรถึงปีละ 12,000 ราย ระหว่าง2020-2050 ซึ่งเกือบเทียบเท่ากับจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจักรยานยนต์ในประเทศไทยในปี 2021
โดยเสนอให้ประเทศไทยเริ่มสร้างความหลากหลายของแหล่งโปรตีน โดยให้โปรตีนจากพืชทดแทนโปรตีนจากสัตว์ให้ได้ 50% ภายในปี 2050 ซึ่งหากทำได้ จะช่วยลดการผลิตเนื้อสัตว์และอาหารทะเลลง และลดความต้องการข้าวโพดในการผลิตอาหารสัตว์ ส่งผลให้สามารถลดอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากการเผาตอซังได้มากกว่า 100,000 ราย” วิชญะภัทร์ กล่าว
คำถามต่อมา “การลดการผลิตเนื้อสัตว์ช่วยลด PM2.5 ได้อย่างไร?” ผู้อำนวยการ Madre Brava ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า รายงานฉบับนี้พบว่า การเผาตอซังพืชในช่วงฤดูแล้ง (ธันวาคมถึงเมษายน) เป็นสาเหตุหนึ่งของฝุ่น PM2.5 เนื่องจากความชื้นต่ำทำให้ฝุ่นสะสมในอากาศ ปรากฏการณ์อุณหภูมิผกผันและภูมิประเทศที่เป็นหุบเขาทำให้การไหลเวียนของอากาศไม่ดี ส่งผลให้ PM2.5 ไม่สามารถกระจายตัวได้
การบุกรุกพื้นที่ป่าและการขาดการจัดการที่เหมาะสมทำให้ไฟจากการเผาตอซังอาจลุกลามสู่พื้นที่ป่าได้ และยังมีผลกระทบจากการเผาตอซังข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศเพื่อนบ้านที่ทำให้ PM2.5ลอยข้ามพรมแดนเข้าสู่ประเทศไทยด้วย ซึ่งแม้จะมีความพยายามในการจำกัดการเผาตอซังพืชเพื่อลดมลพิษ PM2.5 แต่ปัญหายังคงมีอยู่และไม่สามารถแก้ไขได้อย่างยั่งยืน
รายงานนี้เสนอแนวทางในการแก้ปัญหาด้วยการลดความต้องการอาหารสัตว์และเพิ่มการใช้โปรตีนจากพืช ซึ่งสามารถช่วยลดผู้เสียชีวิตจากมลพิษ PM2.5 ได้มากกว่า 100,000 รายภายในปี 2593 หากสามารถเพิ่มการผลิตโปรตีนจากพืชมาทดแทนโปรตีนจากสัตว์ได้ที่ร้อยละ 50 ทั้งการบริโภคในประเทศและส่งออก นอกจากนี้ยังสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 1.3ล้านล้านบาท สร้างงาน 1.15 ล้านตำแหน่ง และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 35.5 ล้านเมตริกตันต่อปี
โดย Madre Brava เสนอแนวทางยั่งยืนเพิ่มโปรตีนจากพืช ลดฝุ่น PM2.5 และส่งเสริมสุขภาพ ซึ่งจากข้อสรุปในงานวิจัยฉบับนี้ ทาง Madre Brava ได้เสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหามลพิษ PM2.5 และส่งเสริมความยั่งยืนทางอาหาร โดยแนะนำให้ภาครัฐส่งเสริมการบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพและยั่งยืนมากขึ้น เช่น การให้มาตรการจูงใจทางการเงินเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืชมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น รวมถึงการนำเมนูอาหารเน้นพืชมาใช้ในงานและการประชุมของภาครัฐ โรงเรียนและโรงพยาบาล เพื่อแบบอย่างให้ประชาชนหันมาบริโภคโปรตีนจากพืชมากขึ้น
รายงานดังกล่าวยังเสนอให้ภาคธุรกิจผู้ค้าปลีกและธุรกิจบริการอาหารกำหนดเป้าหมายเพิ่มยอดขายของโปรตีนจากพืช โดยลดราคาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้สามารถแข่งขันกับโปรตีนจากสัตว์ พร้อมทั้งจัดวางผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืชให้เด่นชัด และให้ข้อมูลเกี่ยวกับคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ต่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังแนะนำให้ผู้ผลิตเนื้อสัตว์และอาหารทะเลลงทุนในการวิจัยและพัฒนาโปรตีนทางเลือกที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและราคาเข้าถึงได้ง่าย เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนและลดการปล่อยมลพิษจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์ในระยะยาว
“การสร้างความหลากหลายของแหล่งโปรตีนในประเทศไทยไม่เพียงแต่จะช่วยลดมลพิษ PM2.5 แต่ยังเป็นโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เพิ่มงาน สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวด้วย” วิชญะภัทร์ ระบุ
การเผาตอซังข้าวโพดจากการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ยังคงเป็นปัญหาสำคัญในประเทศไทย แม้จะมีการห้ามเผาในกฎหมาย แต่การบังคับใช้กฎหมายไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเผาตอซังพืชยังคงเกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของฝุ่น PM2.5ในภาคเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เชียงใหม่ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนัก และบางช่วงมีระดับมิลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงติดอันดับโลก การพยายามจับกุมผู้กระทำผิดตามแนวทาง Zero Burning ยังไม่สามารถยุติปัญหานี้ได้ และในบางครั้งทำให้เกิดการลักลอบเผามากขึ้น
สุรีรัตน์ ตรีมรรคา รองประธานสภาลมหายใจเชียงใหม่ ซึ่งเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนเรื่องการแก้ปัญหาไฟป่าและฝุ่น PM2.5ในภาคเหนือ ระบุว่า การลดการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นแนวทางที่ถูกต้องและยั่งยืน แต่ต้องมีการวางแผนและการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ชี้การปลูกข้าวโพดในพื้นที่ป่าหรืออุทยานฯ เป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข โดยต้องมีการจัดการสิทธิที่ดินและการสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อให้เกษตรกรสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตได้อย่างยั่งยืน
“ข้อเรียกร้องของเราคือให้อำนาจกับท้องถิ่นในการจัดการและลดไฟลักลอบเผา และให้ความสำคัญในการทำงานร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนในการควบคุมการเผาไฟและการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายเพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างมีประสิทธิภาพ” สุรีรัตน์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี