นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผู้ว่าราชการจังวัดเลย เดินทางลงพื้นที่ไร่กาแฟภูทับช้าง บ้านเลิง ตำบลห้วยบ่อซืนอำเภอปากชม จังหวัดเลย ร่วมกิจกรรม “เก็บกาแฟ แลภู ดูหมอก @ ณ เลย” ของคลัสเตอร์กาแฟจังหวัดเลย พร้อมกับได้ร่วมเก็บเมล็ดกาแฟ ดูพื้นที่ระบบน้ำ พร้อมลิ้มชิมรสชาติกาแฟจากผู้ผลิตกาแฟ กว่า 30 ร้าน ที่นำมาให้ชิม เช่น ไร่กาแฟสุวภัทร วิสาหกิจชุมชนห้วยโซ่ทองกลุ่มกาแฟ อ.นาด้วง กาแฟหอมเลย บ้านไร่อ้อยกาแฟ เก้าคอฟฟี่ ไร่ 1000 ฝัน กาแฟภูเลิงภูทับช้าง สวนสมดุล หัวไฮ่ คาเเฟ ไร่ภูขุมเงิน ไร่กาแฟ ห้วยขุมทองและไร่กาแฟภูทับช้าง ซึ่งได้รับความสนใจจากเกษตรกร ชาวอำเภอปากชม และนักท่องเที่ยวร่วมกิจกรรมอย่างคับคั่ง

นายณัฏฐภัทร์ แดงรักษา ประธานกลุ่มคลัสเตอร์กาแฟจังหวัดเลย เปิดเผยว่า ขณะนี้ตลาดในประเทศมีความต้องการกาแฟจากจังหวัดเลยสูงถึง 1,000 ตันต่อปี แต่ผลผลิตจริงอยู่ที่เพียง 400 ตันต่อปี ส่งผลให้มีช่องว่างความต้องการถึง 600 ตันต่อปี ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญสำหรับเกษตรกรในการเพิ่มพื้นที่ปลูกและการผลิตกาแฟ นอกจากนี้ มูลค่าตลาดกาแฟของจังหวัดเลยในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านบาทต่อปี และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 25% ต่อปี

สำหรับ แนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟ นั้นเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จังหวัดเลยได้วางแผนยกระดับอุตสาหกรรมกาแฟอย่างครบวงจร โดยมีแนวทางหลัก โดยการ เพิ่มปริมาณผลผลิต มีการส่งเสริมให้เกษตรกรขยายพื้นที่ปลูกกาแฟ โดยเฉพาะบนพื้นที่สูงที่เหมาะสมต่อการปลูก มีการพัฒนาระบบการจัดการน้ำและเทคโนโลยีการเกษตร เช่น การใช้ปุ๋ยชีวภาพและสารธรรมชาติ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

ในส่วนพัฒนาคุณภาพมาตรฐาน นั้นทางเรามีการยกระดับกระบวนการผลิตในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปลูกการเก็บเกี่ยว การแปรรูป ไปจนถึงการควบคุมคุณภาพ เพื่อให้ได้กาแฟที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล ฝึกอบรมเกษตรกรและผู้ประกอบการให้มีความเชี่ยวชาญในกระบวนการผลิตที่ทันสมัย มีการส่งเสริมการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า สนับสนุนการแปรรูปผลผลิตกาแฟ เช่น กาแฟคั่วบด กาแฟสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์พร้อมดื่ม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่หลากหลาย สร้างแบรนด์กาแฟเมืองเลยให้เป็นที่รู้จักในระดับประเทศและนานาชาติ

สำหรับการเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวเชิงเกษตรทางเรามีการพัฒนาฟาร์มกาแฟให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น การจัดเส้นทางท่องเที่ยวชมไร่กาแฟ กิจกรรมเก็บผลกาแฟสด หรือการสาธิตการทำกาแฟแบบดั้งเดิม จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร เช่น “เก็บกาแฟ แลภู ดูหมอก @ ณ เลย” เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์กาแฟของจังหวัด

กาแฟจังหวัดเลยเป็นสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพสูงในการตอบโจทย์ความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ การเพิ่มผลผลิต พัฒนาคุณภาพ และสร้างแบรนด์ จะช่วยผลักดันให้กาแฟเมืองเลยก้าวสู่ตลาดสากลได้อย่างยั่งยืน

“นี่คือโอกาสทองของพวกเราชาวเลย ที่จะร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟให้เติบโตอย่างยั่งยืน เราต้องทำงานร่วมกันทุกภาคส่วน เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตและยกระดับคุณภาพให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล” นายณัฏฐภัทร์กล่าวทิ้งท้าย

อัมรินทร์ ชูฤทธิ์