'อี้ แทนคุณ'เปิดความจริงอีกด้าน ของปฏิบัติการกู้ภัยโดยเฉพาะ มาตรการหลัง 72 ชม.ไปแล้ว 

วันที่ 2 เมษายน 2568 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรือ อี้ แทนคุณ ประธานชมรมสันติประชาธรรม โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ความจริงอีกด้านของปฏิบัติการกู้ภัยโดยเฉพาะ มาตรการหลัง 72 ชั่วโมงไปแล้ว 

ตามหลักสากลต้องใช้เครื่องจักรหนักเข้าไปเพื่อช่วยเหลือรื้อถอนโครงสร้างอาคารที่ทับถมด้วยความระมัดระวังเพื่อช่วยเหลือผู้ที่รอดชีวิต และนำร่างของผู้เสียชีวิตออกมาให้มากที่สุดเร็วที่สุด โดยผมได้ประสานงานบริษัทบิ๊กบอสการโยธาซึ่งเป็นผู้ เชี่ยวชาญ ด้านการรื้อถอนอาคาร และมาพร้อมอุปกรณ์ต่างๆทั้งรถ ที่มีหัวตัด หัวบีบอัด แม็คโคร พร้อมทีมงานผู้ควบคุมที่เป็นมืออาชีพ มีประสบการณ์หลายสิบปีมากำกับดูแลด้วยตัวเอง  และได้ประสานไป ทางบริษัทโปรแมช  เพื่อให้ช่วยประสานหารถ เครนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยขนาด 600 ตัน มาช่วยสนับสนุนภารกิจในครั้งนี้ตั้งแต่วันแรก ที่เกิดเหตุการณ์ 

โดยใน 72 ชั่วโมงแรก เราเฝ้ารอด้วยความอดทนและทำหน้าที่ในหลายอย่างเท่าที่เราจะทำได้คือการดำเนินการเปิดทางเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตในบริเวณโซน Cและ D และได้ปฏิบัติตาม แนวทางของ ผู้อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอย่างเคร่งครัด ภายหลังต่อมา เมื่อมี หน่วยงานต่างๆเข้ามามากขึ้นทั้งไทยและต่างประเทศ ได้มีอุปกรณ์และเครื่องไม้เครื่องมือที่เกี่ยวกับการกู้ภัยการตรวจจับสัญญาณชีพการวัดอุณหภูมิ ซึ่งที่จริงก่อนหน้านี้ก็ทราบว่าในไทยก็มี แต่อย่างไรก็ดีก็ต้องมีการสั่งให้อยู่ที่การรื้อถอนเป็นระยะๆ เพื่อให้หน่วยงานต่างๆได้เข้าทำหน้าที่เรียกว่าอยู่ในภาวะที่ทำๆ หยุดๆ และ ในช่วงเย็นของเมื่อวาน วันที่ 1 เมษายนได้มีคำสั่งให้หยุดยาวจนถึง 3 ทุ่ม  (เนื่องจาก​ไปเร่งรัด​ติดตามและให้สัมภาษณ​์กับสื่อ)​

โดยตลอดเวลาที่ทวงถามก็ไม่ได้มีแผนปฏิบัติการใดๆ ที่แจ้งให้ทราบว่า จะให้ทำอย่างไรต่อไป บอกแค่ว่าให้รอคำสั่งจากผู้ใหญ่ ซึ่งในการร่วมประชุมกับท่านผู้อำนวยการสำนักงานโยธาและผังเมืองของกรุงเทพมหานคร  (ท่านไทวุฒิ)​ซึ่งท่านบอกว่าจะเข้ามาดูแล ภารกิจการรื้อถอน แต่เมื่อ ผู้ว่าไม่สั่ง ก็ไม่สามารถดำเนินการใดๆได้ ทางผมและตัวแทนของ บริษัทอิตาเลียน ไทย ได้พยายามร้องขอให้ทางผู้ว่า ช่วยมาบัญชาการและให้คำตอบ กับคนที่ทำงานหน้างาน ว่าทำไม ถึงไม่สั่งให้เครื่องจักร หนัก ทำงานต่อ แม้กระทั่งโทรหาไปก็ไม่รับ ผู้ใต้บังคับบัญชาอ้างว่าท่านไม่อยู่ในพื้นที่ แต่ต่อมาไม่กี่นาที ก็พบว่า ถ้าไลฟ์สดอยู่ในพื้นที่​ และเมื่อพยายามถามทางเจ้าหน้าที่ระดับสูง ว่าเพราะอะไร ได้คำตอบว่า เป็นเรื่องการเมือง ซึ่งผมในฐานะอดีตนักการเมืองรู้สึกรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น 

โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา มิได้มีความต้องการที่จะมาหาแสง หรือโจมตีใคร เราทำงานด้วยความตั้งใจและอดทน เคารพให้เกียรติซึ่งกันและกัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้น อยากฝากสื่อมวลชนช่วยถามว่า ใครจะเป็นคนสั่งการที่แท้จริงที่มีอำนาจชัดเจนและกล้าพอที่จะตัดสินใจ กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และมีแผนในการปฏิบัติการครั้งนี้อย่างไรบ้างเพื่อให้คนที่ทำงานหน้างาน แม้ว่าจะเป็นจิตอาสา ก็เป็นมืออาชีพที่สุด​บริษัท​หนึ่งและตอนนี้​บางส่วน​อาจจะต้องถอยออกจากหน้างานหากยังต้องรออย่างไร้จุดหมาย