'DSI'หิ้ว 3 นอมินีคนไทย บ.ไชน่า เรลเวย์ฯฝากขังศาลอาญา หลังสอบเดือด 10 ชม. "โสภณ มีชัย" อ้างว่า "มานัส-ประจวบ“ เป็นคนชวนมาร่วมถือหุ้น ด้าน'โฆษกดีเอสไอ'ชี้กรรมการผู้ถือหุ้นคนไทยบางรายมีเงินติดบัญชีแค่หมื่นบาท
วันที่ 22 เมษายน 2568 วลา 09.30 น. ที่ บริเวณด้านหน้าอาคารกรมสอบ สวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยผลการสอบสวนปากคำ 3 ผู้ต้องหาชาวไทย นายประจวบ ศิริเขตร นายมานัส ศรีอนันท์ และนายโสภณ มีชัย กรรมการบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ว่า วานนี้ (21 เม.ย.) พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้มีการสอบปากคำ 3 ผู้ต้องหานานกว่า 10 ชม. โดยเสร็จสิ้นการสอบสวนปากคำเวลาประมาณ 22.00 น. ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 3 รายล้วนให้การปฏิเสธ อ้างว่าไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นแทนของบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ อีกทั้งไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการให้ปากคำแต่อย่างใด และหากเปรียบเทียบกับคำให้การของนายชวนหลิง จาง ที่ได้ให้ปากคำกับพนัก งานสอบสวนเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา พบว่ามีคำให้การประมาณ 10 หน้าเอกสาร ซึ่งแตกต่างจาก 3 กรรมการชาวไทยที่ให้การเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยบางช่วงบางตอนเมื่อพนักงานสอบสวนพยายามสอบ ถามประเด็นกับ 3 กรรมการชาวไทย ผู้ต้องหาออกอาการงงคำถาม จึงทำให้ทนายความส่วนตัวต้องช่วยอธิบายคำถามให้
ทั้งนี้ ภายหลังจากคืนวานนี้ พนัก งานสอบสวนคดีพิเศษได้สอบสวนปากคำ 3 ผู้ต้องหาชาวไทยเสร็จสิ้น จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสะกดรอยและการข่าว ภายใต้การอำนวยการของนายวิทวัส สุคันธรส ผอ.ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ สั่งการให้ นายวุฒิไกร ศรีธวัช ณ อยุธยา ผอ.ส่วนสะกดรอยและการข่าว เข้าควบคุมตัว 3 ผู้ต้องหาจากห้องสำนักงานรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ศูนย์ราชการฯ อาคารบี ชั้น 8 ย้ายไปควบคุมตัวไว้ที่ห้องขัง ชั้น 6 อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อเตรียมนำตัวไปยื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาลอาญารัชดาภิเษกผัดแรก โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 รายไม่ได้มีการยื่นขอประกันตัวในชั้นสอบสวน รวมถึงท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนคดีพิเศษไม่ได้มีการคัดค้านการขอประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหาได้เดินทางเข้ามามอบตัวด้วยตนเอง
ต่อมาเวลา 10.20 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษ (ปพ.) ได้ควบคุมตัว 3 ผู้ต้องหาชาวไทยออกจากอาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อไปฝากขังผัดแรกกับศาลอาญารัชดาภิเษก โดยผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามผู้ต้องหา นายประจวบ ศิริเขตร ว่าคุณประจวบ มีสิ่งใดอยากปฏิเสธหรือไม่ และได้เข้าไปนั่งเป็นนอมินีให้บริษัทจริงหรือไม่ หรือยืนยันว่าเข้าไปบริหารเองจริง ๆ หรือมีใครบังคับให้เข้าไปนั่งตำแหน่งนั้นหรือไม่ ต่อมาในส่วนของ นายมานัส ศรีอนันท์ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามอีกว่า มีอะไรอยากพูดหรือไม่ ขณะที่นายโสภณ มีชัย ผู้สื่อข่าวก็ได้ถามอีกว่า ได้เข้าไปถือหุ้นจริงหรือไม่ หรือมีใครบังคับให้ต้องพูดอะไรหรือไม่ รวมถึงในวันที่ตึก สตง. ถล่ม ทุกคนไปอยู่ที่ไหนกันมา หนีไปอยู่ที่ไหน มีใครให้ที่พักพิงหรือไม่ หรือเหตุใดก่อนหน้านี้ไม่ยอมมาเข้าพบพนัก งานสอบสวนคดีพิเศษ เป็นต้น แต่ทั้ง 3 ผู้ต้องหาก้มหน้ารับฟังคำถามอย่างเดียว ไม่เอ่ยปากตอบคำถามใดกับผู้สื่อข่าว ทั้งนี้ ระหว่างถูกควบคุมตัว 3 ผู้ต้องหาได้ถูกใส่กุญแจมือและใช้ผ้าปิดคุมไว้เพื่อป้องกันกรณีสิทธิมนุษยชน รวมทั้งมีสภาพอิดโรย และยังสวมใส่เสื้อผ้าตัวเดิมกับเมื่อวานนี้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ ปพ. ได้คุมตัวขึ้นรถตู้เอนกประสงค์ 2 คัน ทะเบียน ฮม 1251 กรุงเทพมหานคร และทะเบียน ฮม 1247 กรุงเทพมหา นคร ออกจากอาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไปยังศาลอาญารัชดาภิเษก
กระทั่งเวลา 10.30 น. พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะโฆษกกรมสอบ สวนคดีพิเศษ ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า พนักงานสอบสวนได้สอบปาก คำ 3 ผู้ต้องหาเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งในภาพรวม ได้มีผู้ต้องหา 1 ราย คือ นายโภณ มีชัย ที่ยอมให้การ ขณะที่อีก 2 ราย คือ นายประจวบ ศิริเขตร และนายมานัส ศรีอนันท์ แจ้งความประสงค์ขอชี้แจงเป็นเอกสารภายใน 30 วัน โดยการชี้แจงผ่านหนังสือจะไม่ได้มีผลต่อรูปคดี เพราะผู้ต้องหาย่อมให้การอย่างไรก็ได้ แต่ทุกคำให้การจะถูกนำมาพิสูจน์ทั้งหมด โดยประเด็นที่ต้องชี้แจงเพิ่มเติม คือ การถือหุ้น กระบวนการเปลี่ยนแปลงตัวกรรมการและผู้ถือหุ้น รวมถึงที่มาของเงินที่ใช้ในการลงทุน และอำนาจทางการบริหาร อย่างไรก็ตาม ระหว่างข้อมูลที่ผู้ต้องหาให้การกับข้อมูลที่ดีเอสไอรวบรวมมานั้น พบว่าบางส่วนไม่ตรงกัน ทั่งนี้ เหตุใดก่อนหน้านี้ทั้ง 3 รายไม่ยอมเข้ามาพบดีเอสไอก่อนมีหมายจับของศาล เราได้สอบถามประเด็นนี้ แต่พวกเขาไม่ตอบ แต่เขาแจ้งว่าพอเห็นหมายจับจึงเข้ามาพบพนักงานสอบสวน และไม่ได้ให้ข้อมูลว่าไปอาศัยอยู่ด้วยกันหรือไม่
พ.ต.ต.วรณัน เผยอีกว่า สำหรับความสัมพันธ์รู้จักกันของ 3 กรรมการชาวไทยและชาวจีน 2 ราย อย่างนายบินลิง วู และนายชวนหลิง จาง นั้น มีการให้ข้อเท็จจริงว่ารู้จักกัน โดยเฉพาะในส่วนของนายประจวบ และนายมานัส ที่ทำงานกับบริษัทอื่นที่มีคนจีนไปเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ทั้งนายประจวบ และนายมานัส ไม่ได้เริ่มต้นจากการเข้ามาเกี่ยวข้องในบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด แต่ไปเริ่มต้นกับบริษัทอื่นมาก่อน ถ้าจำไม่ผิดคือ บริษัทสันติภาพ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ส่วนใครเป็นคนชวนให้เข้ามาเป็นกรรมการและถือหุ้นนั้น ในคำให้การกล่าวอ้างของนายโสภณ มีชัย เจ้าตัวระบุว่า นายประจวบ และนายมานัส คือผู้ชักชวน แต่คำให้การของผู้ต้องหา ต้องนำมาพิสูจน์ข้อเท็จจริงอีกครั้ง
พ.ต.ต.วรณัน เผยต่อว่า ในการสอบปากคำนายโสภณ มีชัย ระหว่างการสอบสวนปากคำ เจ้าตัวมีการตอบเอง แต่บางครั้งทนาย ความก็จะช่วยอธิบายคำถามบ้าง เพราะบางทีบางประเด็นเขาอาจเข้าใจไม่ละเอียด นอกจากนี้ ในประเด็นของการถือหุ้นของทั้ง 3 ราย พบว่าหุ้นมันมีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ปี 61-68 มีการสลับเพิ่ม-ลง
พ.ต.ต.วรณัน เผยอีกว่า ตอนนี้เราแบ่งเงินที่เกี่ยวข้องกับ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ ออกเป็น 2 ส่วน คือ เงินลงหุ้น และเงินที่กู้ยืมมาเพื่อทำธุรกิจ ตรงส่วนนี้ เราจะไล่ย้อนหลังตรวจสอบเส้นทางการเงิน ดังนั้น เส้นทางการเงินจะสอดคล้องกับสัดส่วนการถือหุ้นหรือไม่ ต้องให้เวลาพนักงานสอบสวนตรวจสอบก่อน เพราะเพิ่งได้รับข้อมูลรายงาน
“รายได้และเงินคงค้างในบัญชีของ 3 กรรมการชาวไทย ดีเอสไอพอมีข้อมูลว่า เป็นเงินจำนวนไม่เยอะ บางคนเหลือเงินติดบัญชีแค่หลักหมื่นบาท” โฆษกดีเอสไอ ระบุปิดท้าย
007
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี