DSIลุยสอบคดีนอมินี-ฮั้วประมูล สตง.ถล่ม! รอผลพิสูจน์ลายเซ็นวิศวกร 7 รายถูกแอบอ้าง
วันที่ 29 เมษายน 2568 เวลา 18.30 น. ที่ ห้องประชุม 1 ชั้น 1 อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และ พ.ต.ท.อมร หงษ์ศรีทอง ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ร่วมกันแถลงความคืบหน้าทางคดีนอมินี คดีพิเศษที่ 32/2568
โดย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า เรื่องการตรวจสอบลายมือชื่อผู้ออกแบบและวิศวกรผู้ควบคุมงาน ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจเปรียบเทียบลายมือที่ลงนามในแบบกับลายมือของเจ้าตัวที่เซ็นปกติในชีวิตประจำวันทั้งในอดีตและปัจจุบัน โดยอยู่ระหว่างรอผลตรวจจากกองพิสูจน์หลักฐาน ส่วนคดีฮั้วประมูลยังคงต้องใช้เวลาสอบปากคำพยาน และรวบรวมพยานหลักฐานอีกสักระยะหนึ่ง ว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้มีการแข่งขันราคาอย่างไม่เป็นธรรมหรือไม่ ส่วนกรณีของนายบินลิง วู ที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัดนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน หากมีหลักฐานชัดเจน ดีเอสไอก็จะดำเนินคดี โดยเป็นไปได้ว่าอาจขอศาลออกหมายจับได้เลย โดยไม่ต้องออกหมายเรียกผู้ต้องหา
ด้าน พ.ต.ท.อมร หงษ์ศรีทอง ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ หรือกองคดีฮั้วประมูล เปิดเผยว่า สำหรับวิศวกรภายใต้กิจการร่วมค้า PKW ที่นัดมาสอบปากคำในฐานะพยานในวันนี้ รวม 10 ราย สรุปมาทั้งสิ้น 7 ราย โดยแบ่งเป็น 6 รายทำงานอยู่กับบริษัท ว. และสหายคอลซัลแตนตส์ จำกัด อย่างไรก็ตาม ทั้ง 7 รายนี้ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนเซ็นชื่อในเอกสารการควบคุมงาน เป็นไปได้ว่าถูกแอบอ้างชื่อและถูกปลอมลายเซ็น
พ.ต.ท.อมร เผยอีกว่า ส่วนการสอบปากคำพยานนายเกรียงศักดิ์ กอวัฒนา รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พบว่าเจ้าตัวให้ความร่วมมือและให้ข้อมูลค่อนข้างดี โดยสอบปากคำตั้งแต่ประเด็นเริ่มประมูลงาน การทำกิจการร่วมค้า สัดส่วนการแบ่งงานระหว่างบริษัทอิตาเลียนไทยฯ และบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ ซึ่งบริษัทอิตาเลียนไทยฯ จะทำใยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับเข็มเจาะ และดูแลส่วนของวิศวกรรมระบบ ส่วนบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ จะดูเรื่องโครงสร้างทั้งหมด ส่วนผลตอบแทนและค่าจ้างที่ได้รับแบ่งกันตามสัดส่วนหุ้น 49% และ 51% โดยประเด็นที่บริษัท อิตาเลียนไทยฯ บอกว่าที่เชื่อใจบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ ก็เพราะเคยทำงานร่วมกันในโครงการรถไฟความเร็วสูงมาก่อน ทั้งนี้ หลังจากนี้ดีเอสไอจะนัดหมายเชิญบริษัทผู้ออกแบบ อย่างบริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และบริษัทผู้ควบคุมงานรายอื่น ๆ มาสอบปากคำในฐานะพยานต่อไป
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าวข้อเสนอแนวทางการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อาคารสำนักงาน สตง. ถล่ม ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถาม นายเกรียงศักดิ์ กอวัฒนา รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น กรณีที่มีประเด็นต่าง ๆ ออกมาทั้งเรื่องของการปลอมแปลงลายเซ็น การแก้ไขแบบแปลน ของอาคาร สตง. เนื่องจากประชาชนอยากฟังข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
โดย นายเกรียงศักดิ์ ตอบคำถามว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกิจการร่วมค้า เข้าใจไหมครับ มันเป็นเรื่องของผู้ออกแบบ กับ ผู้ควบคุมงาน ซึ่งพวกผมเป็นกิจการร่วมค้า ที่เป็นผู้รับเหมา ไม่ทราบเรื่องนี้เลย
เมื่อถามต่อกรณีปรากฏลายเซ็น 51 รายชื่อวิศวกรที่เซ็นควบคุมงานก่อสร้าง เป็นลายเซ็นตัวจริงหรือไม่นั้น นายเกรียงศักดิ์ ระบุว่า เรื่องนี้ตนเองก็ไม่ทราบ เพราะก็เป็นเรื่องของกิจการร่วมค้า PKW ที่เขาเป็นผู้ควบคุมงาน
เมื่อถามต่อว่าในฐานะที่เป็นผู้เซ็นสัญญาหลัก มีการตรวจสอบรายละเอียดของสัญญาก่อนที่จะมีการจ้างบริษัทต่าง ๆ หรือไม่นั้น นายเกรียงศักดิ์ ระบุว่า ไม่ใช่หน้าที่ของผู้รับเหมาไปตรวจสอบสัญญาอื่น ต้องเข้าใจกันก่อน คือผมเห็นในโซเชียลมีเดียเขียนบางทีเป็นจินตนาการ เกินเลยไปมาก อันนี้ต้องเข้าใจการทำงานก่อน คือ ผู้รับเหมา เป็นห่วงโซ่อาหารสุดท้าย เราอยู่ชั้นต่ำสุด ข้างบนเป็นเจ้าของงาน เป็นผู้ควบคุมงาน เป็นผู้คนออกแบบ พวกนี้เป็นคนสั่งงาน ผมไม่มีสิทธิไปตรวจสอบเขาอยู่แล้ว
จากนั้น พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม ได้พูดตัดบทขึ้นมาว่า ด้วยความเคารพ ส่วนที่เป็นเรื่องคดีขอให้แยกถามต่างหาก เพราะวันนี้เป็นการมาพูดถึงประเด็นเรื่องของการเยียวยา โดยยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการตัดสิทธิสื่อในการถามทางกิจการร่วมค้า แต่ขอให้เป็นการแยกสัมภาษณ์ได้ ซึ่งจะไม่มีผลอะไรกับพนักงานสอบสวน เพราะพนักงานสอบสวนดำเนอนการไปตามพยานหลักฐาน
ซึ่งภายหลังการแถลงข่าวประเด็นการเยียวยาเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ได้เชิญสื่อมวลชนมารอสัมภาษณ์หน้าห้องประชุม เพื่อรอสัมภาษณ์เพิ่มเติม โดยหลังการหารือเสร็จสิ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ทยอยกันเดินออกจากห้องประชุม เพื่อมาให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม แต่ทางนายเกรียงศักดิ์ ได้แจ้งผ่านเจ้าหน้าที่ดีเอสไอว่าไม่ประสงค์ที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน และระหว่างอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเพิ่มเติมอยู่ พบว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอมีการปิดประตูไม่ให้เข้าไปภายในห้องประชุม และใช้เวลาการการให้สัมภาษณ์ประมาณ 10 นาที เมื่อเสร็จสิ้นผู้สื่อข่าวที่รอจะสัมภาษณ์ตัวแทนของบริษัท อิตาเลียนไทยฯ และ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ เพิ่มเติม แต่ไม่ปรากฎว่าผู้แทนทั้งสองบริษัทออกมาจากห้องประชุม ผู้สื่อข่าวจึงได้เข้าไปภายในห้องประชุม แต่ไม่พบผู้บริหารอิตาเลียนไทย และผู้บริหารบริษัท ไชน่าเรลเวย์ จากการตรวจสอบพบว่า บริเวณหลังห้องประชุมมีประตูที่สามารถทะลุกับบันไดหนีไฟลงไปยังลานจอดรถชั้น G ได้ ทั้งนี้ จึงคาดว่าผู้แทนทั้ง 2 บริษัท ได้หลบสื่อออกทางประตูหลังดังกล่าวไปแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี