"DSI"เผยคดีฮั้วประมูลสัญญาตึก สตง. เตรียมเสนอสำนวนให้"อธิบดี DSI"พิจารณาภายในวันศุกรนี้ ก่อนส่ง ป.ป.ช.ไต่สวน 4 บิ๊ก สตง.พร้อม จนท.รัฐ 70 ราย และผู้บริหารกิจการร่วมค้า PKW 6 ราย / แย้มเชิญผู้แทนโยธาฯหารือ หลังพบถุงปูนผสมซีเมนต์ก่อสร้างตึก สตง.ไม่มีตรา มอก. พร้อมระบุเตรียมสอบคดีนอมินีภาค 2 เผยชื่อ 4 บริษัท
จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้สอบสวนคดีพิเศษที่ 32/2568 ในความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 กรณีบริษัท ไชน่าเรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เข้าเป็นกิจการร่วมค้า ITD-CREC คู่สัญญาก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ ต่อมาวันที่ 26 พ.ค.คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้นำสำนวนการสอบสวน จำนวน 46 แฟ้ม เอกสาร 17,620 แผ่น พร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องบริษัท ไชน่าเรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) กับพวกรวม 5 ราย ส่งมอบพนักงานอัยการคดีพิเศษ สำนักงานคดีพิเศษเพื่อให้พนักงานอัยการมีความเห็นทางคดี
นอกจากนี้ คณะพนักงานสอบสวนยังได้พิจารณาขยายผลสอบสวนเป็นอีกหนึ่งคดีพิเศษ เลขที่ 58/2568 ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือกฎหมายฮั้วประมูล ภายใต้การตรวจสอบสัญญา 3 ฉบับ ในโครง การก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ประกอบด้วย สัญญารับเหมาก่อสร้าง สัญญาการออกแบบ และสัญญาการควบคุมงาน เพื่อหาผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในองค์ กรอิสระ นิติบุคคล บุคคลธรรมดา ที่มีพฤติการณ์ได้มาซึ่งสัญญาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จนพบว่ามีผู้เข้ามาเกี่ยวข้องรวมกว่า 76 ราย แบ่งเป็น เจ้าหน้าที่รัฐภายในองค์กรอิสระ 70 ราย (ในจำนวนดังกล่าวมีผู้บริหารระดับสูงของ สตง.4 ราย คือ พล.อ.ชนะทัพ อินทามระ ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.), เลขานุการของ พล.อ.ชนะทัพ, นายประจักษ์ บุญยัง อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.), นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่า สตง.) และผู้บริหารของกิจการร่วมค้า PKW 6 ราย ล่าสุด ขั้นตอนของดีเอสไออยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสารสำนวนเพื่อเตรียมส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงภายใน 30 วันนั้น
ล่าสุดวันนี้ (10 มิถุนายน 2568) คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 58/2568 ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือกรณีการฮั้วประมูลสัญญาโครงการก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยความคืบหน้าว่า สำหรับสำนวนคดีดังกล่าวนี้ ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างกระบวนการเรื่องเอกสารที่เกี่ยวข้องภายในสำนวน ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้ มีผู้แทนจากกรมโยธาธิการและผังเมือง เดินทางเข้ามาให้การกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ที่ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 7 กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (กองคดีฮั้วประมูล) เนื่องจากกรมโยธาธิการฯ ถือเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับเอกสารที่เกี่ยว ข้องกับการเข้าตรวจค้นแพลนท์ปูน 7 แห่ง ซึ่งก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้บูรณาการร่วมตรวจค้นด้วย เพื่อลงรายละเอียดตรวจสอบว่าปูนที่ใช้ในการก่อสร้างนั้น มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) หรือไม่ โดยเป็นการหารือเนื่องจากเจ้าหน้าที่พบความผิดปกติเรื่องปูนที่ใช้ผสมกับซีเมนต์ในการก่อสร้างอาคาร สตง.โดยเฉพาะการไม่พบตราสัญลักษณ์ มอก.บนถุงปูน ซึ่งไม่ตรงกับเอกสาร TOR ที่ระบุไว้ในการจัดซื้อจัดจ้าง อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวจะถูกรวมไว้ในสำนวนคดีฮั้วประมูลด้วย
ซึ่งภายในสัปดาห์นี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะต้องเสนอสำนวนคดีฮั้วประมูลให้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณาความเห็นทางคดี เพื่อที่สัปดาห์ถัดไปจะได้นำสำนวนคดีส่งไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ 70 ราย ประกอบด้วย 1.ผู้บริหารองค์กรอิสระ 2.คณะกรรมการออกแบบ ก่อสร้าง ควบคุมงาน จำนวน 10 คณะ และ 3.คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ประมาณ 15 ราย พร้อมนิติบุคคล คือ ผู้บริหารของกิจการร่วมค้า PKW จำนวน 6 ราย ทั้งนี้ ในส่วนของคดีนอมินีภาคสอง ซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัท สันติภาพ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่ก่อนหน้านี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้มาให้ข้อมูลกับดีเอสไอ ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการออกเลขรับเป็นคดีพิเศษอีกหนึ่งสำนวน เบื้องต้นมีบริษัทเกี่ยวข้องที่ต้องตรวจสอบ ได้แก่ บริษัท เอวาน่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท เอสทีพี อิมปอร์ต-เอ็กปอร์ต (ประเทศไทย), บริษัท วีลมาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับคดีนอมินีภาคสอง ซึ่งดีเอสไอเตรียมรับไว้ดำเนินการสอบสวน 4 บริษัท เป็นอีกหนึ่งคดีพิเศษนั้น จากรายงานการสอบสวนในคดีนอมินีภาคหนึ่ง (คดีพิเศษที่ 32/2568) พบว่า บริษัท ไชน่าเรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด มีที่ตั้งสำนักงานอยู่ที่ เลขที่ 493 ซอยพุทธบูชา 44 แยก 11 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม.ไม่ได้เป็นเพียงที่ตั้งของบริษัทไชน่าเรลเวย์ฯ เพียงเจ้าเดียว แต่ยังมีบริษัท / นิติบุคคล ที่มีที่ตั้งเดียวกันถึง 8 บริษัท โดยในจำนวนนี้ คือ 4 บริษัท (บริษัท สันติภาพ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด, บริษัท เอวาน่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท เอสทีพี อิมปอร์ต-เอ็กปอร์ต (ประเทศไทย), บริษัท วีลมาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด) ที่ดีเอสไอเตรียมสอบสวนไว้เป็นคดีพิเศษ
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี