1 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวจ.อุดรธานี พร้อมนายภานุมาศ จิตรวศินกุล หรือเฮียเปี๊ยก เจ้าของเพจ “เฮียเปี๊ยกช่วยด้วย” ได้รับการร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากนางอารีย์ ชินวงศ์ กับ น.ส.อุไร ชินวงศ์ แม่และพี่สาวของ จ.ส.อ.สิทธิชัย ชินวงศ์ อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นทหารสังกัด ร.13 พัน 3 ชาวอ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี มาร้องขอความช่วยเหลือโดยแจ้งว่า ญาติๆติดใจในการผูกคอเสียชีวิตของ จ.ส.อ.สิทธิชัย และคดีตอนนี้ไม่มีความคืบหน้าตำรวจไม่ได้ชี้แจงสาเหตุการเสียชีวิตที่ชัดเจนให้ญาติหายสงสัย” เพราะดูจากภาพศพไม่น่าเชื่อว่าจะผูกคอตัวเองกับต้นไม้ ซึ่งเหตุเกิดที่หลังอู่ซ่อมรถไฉน ใกล้กับร้านอาหารเฮือนอ้ายไมค์ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 68 ที่ผ่านมา พร้อมกับนำภาพถ่ายการผูกคอตายเสียชีวิตของ จ.ส.อ.สิทธิชัยใต้ต้นประดู่ในสวนป่าของบ้านของชาวบ้าน
โดยแม่และพี่สาวบอกว่า ดูยังไงก็ไม่ชื่อว่าผูกคอตายเอง เพราะมีร่องรอยเชือกบริเวณลำคอ แต่ใช้กางเกงคอคอตาย เหมือนเอาคอไปห้อยเอาไว้เท่านั้น เหมือนทำให้เสียชีวิตมาก่อน
น.ส.อุไร หรือโอ๋ พี่สาว เล่าว่า “ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 11 เม.ย.68 ที่ผ่านมา ก่อนวันสงกรานต์ เวลา 16.00น. แม่โทรมาบอกว่าน้องชายผูกคอเสียชีวิตอนนั้นตนก็อยู่ที่กรุงเทพฯ ส่วนแม่นั้นอยู่ที่อุดรธานีซึ่งตนก็รีบเดินทางจากกรุงเทพฯ รีบมาดูศพน้องชาย จากหลักฐานภาพถ่ายในที่เกิดเหตุที่รวบรวมได้ศพของน้องชายนั้นดูแล้วเชื่อไม่ได้ว่าเป็นการผูกคอตัวเองเสียชีวิต การผูกคอเสียชีวิตสภาพศพทำไมลิ้นไม่จุกปากเลือดไม่ไหลออกจากรูทวารทั้ง 7 แต่ออกเพียงแค่อยู่มุมปากเท่านั้น ที่สำคัญลักษณะการผูกหรือการแขวนคอมันผิดปกติคล้ายกับเอาคอไปพาดมากกว่า และสิ่งที่น้องชายใช้แขวนนั้นไม่ใช่เชือกกลับเป็นกางเกงที่เขาสวมใส่ ลักษณะศพคล้ายเอาคอไปพาดมากกว่า ร่องรอยที่คอดูแล้วเป็นเหมือนรอยเชือกมากกว่าจะเป็นรอยกางเกง”
หลังเกิดเหตุตนก็ได้มีการเข้าไปสอบถามกับ พ.ต.ต.สนธยา หิตายะโส เจ้าของคดี ตำรวจสรุปว่าปูพรมค้นหา ตรวจที่เกิดเหตุไม่มีการต่อสู้ในพื้นที่ ตำรวจให้น้ำหนักไปในทางฆ่าตัวตายมากกว่า แต่ตนและพี่ก็ยังติดใจอยู่ดี
เมื่อสอบถามกลุ่มเพื่อนของน้องชายที่เป็นทหาร บอกว่า วันที่ 11 เม.ย. ที่ค่ายมีการจัดพิธีรดน้ำดำหัวขอพรผู้บังคับบัญชา เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ น้องชายก็เดินทางมาร่วมงานหลังจากเสร็จพิธีน้องก็ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากค่ายกลับมาที่บ้านพักข้าราชการซึ่งอยู่นอกค่าย เพื่อนข้างห้องก็ยังพบเห็นพูดคุยกับน้องชายอยู่ กระทั่งเวลาประมาณ 9.00 น. หรือ 10.00 น. น้องชายได้ออกจากห้องไป ส่วนรุ่นพี่อีกคนก็เห็นยืนยันว่าน้องยังสวมใส่ชุดเดิมขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนกันและได้ทักทายกันอยู่
สำหรับน้องชายไม่เคยมีปัญหากับใครแม้กระทั่งเพื่อนร่วมงาน น้องชายเป็นคนร่าเริงปกติ ก่อนวันพบศพในคืนวันที่ 10 เม.ย. เพื่อนทหารด้วยกันยังบอกว่าเรายังมีการนั่งพบปะสังสรรค์กันอยู่ ผู้ตายยังยิ้มแย้ม ร่าเริง ไม่มีสีหน้าเคร่งเครียด หรือไม่มีอะไรส่อแววว่าจะคิดสั้น ที่สำคัญวันเกิดน้องยังมีการให้รางวัลตัวเองโดยไปซื้อนาฬิกาข้อมือ เพื่อใช้ในการดูแลสุขภาพตัวเอง ทั้งนี้น้องก็ยังได้มีการตรวจสุขภาพประจำปี โดยผลตรวจสุขภาพทุกอย่างแพทย์ระบุว่าดีหมด ไม่มีอะไรบ่งชี้ว่าเป็นโรคซึมเศร้าหรือแนวโน้มที่น้องจะคิดสั้นผูกคอตัวเองเสียชีวิตแต่อย่างใด
จากการสอบถามกลุ่มเพื่อนของเขา บอกว่า น้องชายมีเพื่อนที่อำเภอเพ็ญ แต่เป็นใครนั้นไม่ทราบ สำหรับศพของน้องชายตอนนี้ส่งชันสูตรพลิกศพที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ส่วนผลต้องรอ 60 วัน ส่วนผลต้องให้ร้อยเวรเจ้าของคดีติดต่อประสานเพื่อขอรับผลและนำมาแจ้งให้ญาติทราบอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งวันนี้เลยทางญาติติดใจก็เลยจะนำเรื่องมาร้องเรียนมาขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน
ด้านนางอารีย์ แม่ของจ.ส.อ.สิทธิชัย บอกว่า ตอนไปดูศพเจ้าหน้าที่ก็บอกแต่เพียงว่าให้มาเซ็นรับทราบศพเท่านั้น แต่ตนก็ยังไม่เซ็นและบอกไปว่าขอดูศพลูกชายก่อนว่าเป็นลูกชายจริงไหมหรือเป็นคนอื่น เมื่อตนไปแกะผ้าขาวเพื่อดูศพก็พบว่าเป็นลูกจริง แต่ที่คอของลูกชายมีลักษณะคล้ายรอยเชือกรัดคอผูกเป็นเกลียว ขาด้านซ้ายข้างบวม ตาหลับไม่ถลน ส่วนตัวก็ได้แต่คิดว่าลูกชายไม่น่าฆ่าตัวตาย เพราะสภาพแบบนี้ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย สำหรับผู้ชายนั้นมีนิสัยง่ายๆ และลูกชายรับราชการเป็นทหารที่ค่ายแห่งนี้มาทำงานได้มาเป็น 10 ปีแล้ว
พี่สาว เล่าเพิ่มเติมว่า ช่วงระหว่างรอผลจากชันสูตรได้ออกสืบหาความจริงเอง โดยเริ่มได้ไล่ไทม์ไลน์ของน้องชายจากภาพกล้องวงจรปิด จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่ากล้อง 3 ตัว บริเวณ แยกนาข่า นาพู่ ชำรุดเสีย มีเพียงหน้าศาลปกครองเท่านั้นที่บันทึกภาพได้ จึงติดต่อขอภาพวงจรปิดกับศาลฯ เมื่อคลิปแล้วไม่เชื่อว่าน้องชายตนขับรถผ่านจุดนั้นด้วยลักษณะ เนื่องจากท่านั่ง หมวกกันน็อค และชุดที่สวมใส่ไม่ใช่น้องชาย
ย้อนกลับไปที่บริเวณกล้องวงจรปิดหน้าค่ายทหารฯ เห็นน้องชายขับรถเข้าค่ายช่วงเวลา 06.23 น. โดยนั่งรถไปกับพี่ข้างห้อง ต่อมา เวลา 07.44 น. น้องชายออกมาจากค่าย แต่ขับรถมาเพียงคนเดียว ซึ่งข้อมูลนี้ตรงกับตามที่เพื่อนเขาแจ้งมา ส่วนกล้องวงจรปิดบริเวณแยกสำนักงานเทศบาลหนองสำโรงเก่าและข้างค่ายทหารฯ ไม่พบว่าน้องขับรถผ่าน ตลอดเส้นทางที่ปั้มน้ำมันและเต้นท์รถมือสองไม่มีภาพวงจรปิดจุดไหนเลยที่เห็นภาพ แต่กลับมีภาพที่หน้าศาลปกครอง
อย่างไรก็ดีนอกจาการเสียชีวิตของน้องชาย ญาติยังติดใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการหาหลักฐาน โดยโทรศัพท์ญาติได้มีการขอรับคืนในวันที่ 11 เม.ย.68 เลย แต่ ตร.แจ้งว่า กันไว้หลักฐานสำคัญ และในวันที่ 13 เมษายน ญาติไปพบ ตร.ชุดสอบสวนได้มีการถามเรื่องโทรศัพท์อีกครั้ง ทาง ตร. แจ้งว่า จะส่งไปที่ภาค 4 ขอนแก่น เพื่อดูขอมูลการใช้มือถือ แต่ล่าสุดคืนให้ญาติเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ในสภาพที่ต้องล้างเครื่องเท่านั้น เนื่องจาก จนท. พยยามเข้าโทรศัพท์เกินไปจนล็อค และไม่ได้มีการส่งตรวจสอบกับ ตร.ภาค 4 ตามที่แจ้งญาติ
หลังรับเรื่องนายภานุมาศ ได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.ฉกาจ เทียมวงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดอุดรธานี (ดูแลเรื่องสอบสวน) เพื่อประสานขอให้ทางญาติเข้าพบร้องเรียน ซึ่งรองผู้บังคับการฯ ขอสอบถามข้อมูลกับพนักงานสอบสวนร้อยเวรก่อน และจะได้มีการนัดทางผู้เสียหายเข้าไปพบอีกครั้งเพื่อชี้แจงข้อสงสัยต่อไป
.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี