ผู้บริหาร ดาราเทวี เชียงใหม่ ตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงยิบกรณีเกิดไฟไหม้อาคารให้บริการสปาที่ปิดใช้งานมานาน 6-7 ปีแล้ววอดทั้งหลัง ระบุความเสียหายคิดเป็นเพียง 5-10% ของพื้นที่ทั้งหมด เชื่อเหตุเกิดผิดธรรมชาติ แถมพบความผิดปกติหลายอย่าง พร้อมระบุถูกขบวนการ 2-3 กลุ่มที่มีหลักฐานเชื่อมโยงกัน เดินเกมบิดเบือนข้อมูลใส่ร้ายและใช้เทคนิคกฎหมายกลั่นแกล้งฟ้องร้องคดีมาตลอด ยอมรับตั้งใจพัฒนาพื้นที่กลับมาเปิดให้บริการโรงแรม แต่จากนี้ต้องคิดหนัก ขณะเดียวกันเอ่ยปากขอบคุณ “สุเชฎฐ์” ผู้ก่อตั้ง “ดาราเทวี” ส่งข้อความแสดงความห่วงใยหลังเกิดเหตุ และชวนจับมือกันพัฒนาพื้นที่

3 พฤษภาคม 2568 ที่ร้านThe Legend Music Bar โซนกาดคำดารา โรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ ตำบลท่าศาลา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายสุพรรณ เศษธะพานิช กรรมการและผู้บริหาร บริษัท สยาม เอสเตท ดาราเทวี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทเจ้าของโรงแรมดาราเทวี ในปัจจุบัน เปิดการแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ หลังจากที่เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น.ของวันที่ 23 เม.ย.68 เกิดเหตุไฟไหม้กลุ่มอาคาร “เทวาสปา”ที่ประกอบด้วยอาคาร 7 หลัง โครงสร้างส่วนใหญ่เป็นไม้จนได้รับความเสียหายเกือบหมด โดยเบื้องต้นระบุว่า ปัจจุบันโรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ เป็นของบริษัทฯ ซึ่งสามารถประมูลในส่วนพื้นที่ทางด้านหน้าของโรงแรมที่เป็นพื้นที่การให้บริการส่วนใหญ่ของโรงแรม รวมที่ดินประมาณ 80 ไร่ จากทั้งหมดประมาณ 150 ไร่ มาได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายเมื่อประมาณปลายปี 2566 ในราคาประมาณ 2,400 ล้านบาท และโอนที่ดินได้ในราวกลางปี 2567 ส่วนพื้นที่อีกประมาณ 70 ไร่ ที่เหลือของโรงแรมที่เป็นส่วนที่อยู่ทางด้านหลังและเป็นที่ตั้งของระบบสาธารณูปโภคส่วนใหญ่ของโรงแรมนั้น เป็นของอีกบริษัทหนึ่งที่ชื่อ “โกลบอลวัน” 

ทั้งนี้นายสุพรรณ ระบุด้วยว่า นับตั้งแต่ที่บริษัทฯ เริ่มเข้ามาบริหารด้วยความตั้งใจที่จะพัฒนาพื้นที่อย่างดีที่สุดและเชื่อมโยงกับชุมชน รวมทั้งเปิดกว้างสำหรับคนเชียงใหม่ ปรากฏว่าต้องเผชิญหน้ากับขบวนการที่พยายามขัดขวางการบริหารและพัฒนาพื้นที่ของบริษัทฯ มาตลอด ทั้งขบวนการทำลายชื่อเสียงในหลายมิติมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ข้อมูลข่าวสารบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อให้ร้ายมาตลอด ผ่านไลน์กลุ่มผู้ถือหุ้นบริษัทที่เป็นเจ้าของเดิมของโรงแรม และขบวนการที่กลั่นแกล้งด้วยการใช้เทคนิคทางกฎหมาย ที่ให้ผู้ถือหุ้น ซึ่งบางรายถือหุ้นเพียงหุ้นเดียวทำการฟ้องร้องบริษัทฯ และคู่ค้ารวมแล้วประมาณ 20 คดี รวมทั้งพบด้วยว่ามีขบวนการอีกกลุ่มที่พยายามเข้ามาเจรจาผลประโยชน์ โดยมีหลักฐานพบว่าทุกขบวนการดังกล่าวนี้มีความเชื่อมโยงเป็นกลุ่มเดียวกันภายใต้การบงการของบุคคลๆ หนึ่ง ที่เป็นผู้เสียผลประโยชน์ หรือต้องการประโยชน์ในทางที่ไม่พึงชอบ
 
สำหรับกรณีเกิดเหตุไฟไหม้นั้น นายสุพรรณ ย้ำว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่าเป็นการเกิดไฟไหม้ที่ผิดธรรมชาติ เนื่องจากบริเวณที่เกิดเหตุเป็นอาคารที่ไม่ได้ใช้งานมานานประมาณ 6-7 ปีแล้ว และไม่มีกระแสไฟฟ้าภายในอาคาร มีการใช้ไฟเฉพาะแสงสว่างบริเวณด้านหน้าอาคารเท่านั้น และมีเบรกเกอร์ตัดไฟ จึงมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดไฟฟ้าลัดวงจร นอกจากนี้พื้นอาคารยังเป็นซีเมนต์บอร์ด ที่มีโครงเหล็ก และไม้เนื้อแข็ง ซึ่งโอกาสที่ไฟจะลุกไหม้มีน้อยเช่นกัน ขณะเดียวกันจากข้อมูลของชาวบ้านที่อยู่อาศัยใกล้เคียงโรงแรมและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต่างให้ข้อมูลตรงกันว่าได้ยินเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้นรวมอย่างน้อย 16 ครั้ง ในช่วงที่เกิดไฟไหม้ 

พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตด้วยว่า เหตุใดจึงมีบุคคลหนึ่งที่อยู่ในขบวนการบิดเบือนข้อมูลให้ร้ายบริษัทฯ มาตลอด สามารถแจ้งข่าวการเกิดไฟไหม้ในกลุ่มไลน์ผู้ถือหุ้นได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงไม่กี่นาทีหลังจากที่เริ่มเกิด พร้อมภาพประกอบในที่เกิดเหตุ และมีการรายงานอย่างเกาะติดต่อเนื่องด้วย ซึ่งทราบเรื่องอย่างรวดเร็วและละเอียดยิ่งกว่าเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและผู้บริหารบริษัทฯ เสียอีก โดยข้อมูลหลักฐานและข้อสังเกตต่างๆ นั้น ได้มีการมอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดแล้วเพื่อสืบสวนหาข้อเท็จจริงให้ได้โดยเร็วแล้ว

นอกจากนี้นายสุพรรณ ชี้แจงประเด็นมูลค่าความเสียหายจากไฟไห้ในครั้งนี้ว่า เบื้องต้นมูลค่าความเสียหายในครั้งนี้คิดเป็นสัดส่วนเพียงประมาณ 5-10% ของมูลค่าทั้งหมดเท่านั้น เพราะเป็นการเกิดเพียงส่วนกลุ่มอาคาร “เทวาสปา” เท่านั้น และพื้นที่ดังกล่าวยังไม่เปิดให้บริการหรือใช้พื้นที่อยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่กระทบต่อพื้นที่อื่นๆ ที่ยังสามารถให้บริการได้ตามปกติ ขณะที่ความเสียหายต่อจิตใจนั้น ประเมินค่าไม่ได้ และบอกได้แต่เพียงว่าในฐานะเจ้าของกระทบจิตใจมากกว่าคนทั่วไปหลายเท่าตัว ส่วนการทำประกันภัยนั้น อาคารดังกล่าวไม่ได้ทำประกันภัยไว้ เนื่องจากยังไม่เปิดให้บริการ ทางบริษัทประกันจึงยังไม่รับทำประกัน แม้ทางบริษัทฯ จะอยากทำประกันภัยไว้เป็นอย่างยิ่งก็ตาม สำหรับประเด็นเรื่องความเป็นไปได้ที่จะเป็นการลอบวางเพลิงหรือไม่นั้น ตัวเองไม่ขอให้ความเห็นใดๆ เพราะต้องรอการสรุปจากทางเจ้าหน้าที่ โดยจากการเกิดไฟไหม้ครั้งนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือไม่นั้น บอกได้แต่เพียงว่า ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ กับบริษัทฯหรือตัวเองแม้แต่น้อย 

ขณะเดียวกัน กรรมการและผู้บริหาร บริษัท สยาม เอสเตท ดาราเทวี จำกัด บอกด้วยว่า บริษัทฯ มีความตั้งใจอย่างมากที่จะพัฒนาพื้นที่โรงแรมดาราเทวีอย่างดีที่สุด เริ่มจากการระยะสั้นที่มีการจัดกิจกรรมอย่างการจัดกิจกรรม “กาดดารา” ที่เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน  และระยะยาวที่มีเป้าหมายจะกลับมาเปิดให้บริการในส่วนของโรงแรมด้วย อย่างไรก็ตามภายหลังจากที่เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งนี้ รวมทั้งมีกลุ่มขบวนการที่พยายามให้ร้ายมาโดยตลอดเพื่อขัดขวางการบริหารงานและการพัฒนาพื้นที่ของบริษัทฯ ยอมรับทำให้ตัวเองต้องพิจารณาในเรื่องนี้อย่างละเอียดรอบคอบอีกครั้ง แต่เบื้องต้นอยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับทางบริษัทฯ เสียก่อนโดยเฉพาะในส่วนของขบวนการกลั่นแกล้งด้วยการใช้เทคนิคทางกฎหมายฟ้องร้องบริษัทฯและคู่ค้า

นอกจากนี้ในท้ายที่สุด นายสุพรรณ ได้กล่าวแสดงความขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือในการเข้าควบคุมเหตุไฟไหม้ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งชาวบ้านผู้อยู่อาศัยใกล้เคียงที่ช่วยแจ้งเหตุและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่างๆ และคู่ค้าที่ช่วยให้กำลังใจกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องขอบคุณนายสุเชฎฐ์ สุวรรณมงคล เจ้าของบริษัท “โกลบอลวัน” ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งโรงแรมดาราเทวี ที่ส่งข้อความมาถึงตัวเองเพื่อแสดงความห่วงใยเกี่ยวกับเหตุไฟไหม้ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งเชื้อเชิญให้ร่วมมือกันในการพัฒนาพื้นที่โรงแรมดาราเทวี ให้กลับมาเหมือนเดิม