‘ศุภชัย’ชี้ ‘มหาวิทยาลัย’ไม่ใช่แค่‘แหล่งสอนหนังสือ’ แต่ต้อง‘ลงไปอยู่ในใจชุมชน’ สร้างโอกาสใหม่ เป็นศูนย์กลางแก้ปัญหา
เมื่อวันที่ 3 พ.ค.2568 นายศุภชัย ใจสมุทร ผู้ช่วย รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ตนได้ลงพื้นที่มอบนโยบาย ในหัวข้อ “การนำ อววน. เพิ่มศักยภาพพื้นที่ จ.ภูเก็ต” ในโอกาสลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต ติดตามการดำเนินงานขับเคลื่อนงานด้าน อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน. ) เมื่อวันที่2พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมี พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษา รมว.การอุดมศึกษาฯ นายสุวิทย์ พันธ์เสงี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผศ.ดร.หิรัญ ประสารการ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) นางสาวปัทมา แจ้งใจ ผู้จัดการโครงการโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ดร.พรสรรค์ โรจนพานิช รองผู้อํานวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) รศ.ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ ผู้อำนวยการหน่วยภารกิจยุทธศาสตร์ อววน. การพัฒนาเศรษฐกิจไทย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ผู้บริหาร คณาจารย์ นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ผู้ประกอบการ และสื่อมวลชน ให้การต้อนรับ ซึ่งจากสถานการณ์แนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงสําคัญของโลก ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการอุดมศึกษาและการพัฒนากําลังคน ทั้งเรื่องรูปแบบวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปเป็นแบบหลายช่วง (Multistage Life) การเปลี่ยนโครงสร้างประชากรซึ่งประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super Aged Society) รวมถึงแนวโน้มความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ก้าวเข้าสู่สังคมดิจิทัล ก่อให้เกิดกระบวนทัศน์ทางการศึกษาและการจ้างงานในรูปแบบใหม่ สู่กลุ่มผู้เรียนบบ Non-age group บทบาทการอุดมศึกษาในการขับเคลื่อนเป้าหมายประเทศจึงจำเป็นต้องมีการกําหนดยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาอุดมศึกษาออกเป็น 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.พัฒนาศักยภาพคน (Capacity Building) 2.ส่งเสริมระบบนิเวศวิจัยอุดมศึกษา (Research Ecosystem Building) และ 3.จัดระบบอุดมศึกษาใหม่ (Higher Education Transformation)
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า มุ่งเน้นนโยบายหลัก (Flagship Policies) ที่ครอบคลุม 3 มิติ ประกอบด้วย 1.ด้านการจัดการศึกษา มุ่งเน้นการผลิตกําลังคนตามความต้องการของประเทศ 2.ด้านการวิจัย สร้างนวัตกรรม และบริการวิชาการ โดยกลไกการส่งเสริมความร่วมมือในการวิจัยและบริการวิชาการ การนําผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์และสร้างผู้ประกอบการใหม่ การเคลื่อนย้ายแลกเปลี่ยนบุคลากร และการดึงดูดบบุคลากรความสามารถสูงจากต่างประเทศมาร่วมดําเนินการวิจัยและนวัตกรรมตามความต้องการของประเทศ และ 3.ด้านการบริหารจัดการ มุ่งเน้นให้เกิดธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษา การยกระดับคุณวุฒิและตําแหน่งวิขาการอาจารย์ Digital Transformation และการปฏิรูประบบการเงินให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่า นอกจากนี้ จําเป็นต้องมีกฎหมายและเครื่องมือสนับสนุนในการขับเคลื่อนการอุดมศึกษาให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาประเทศ
ผู้ช่วยรมว.อว. กล่าวด้วยว่า หัวใจของกระทรวง อว. ในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคต คือการเตรียมคนไทยให้พร้อมกับศตวรรษที่ 21 และการใช้องค์ความรู้วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบให้กับประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชน ภายใต้แนวคิดว่ามหาวิทยาลัยและหน่วยงานวิจัยต้องไม่ใช่แค่ ‘แหล่งสอนหนังสือ’ แต่ต้องเป็นศูนย์กลางของการแก้ปัญหาและสร้างโอกาสใหม่ให้กับชุมชน และเพื่อให้ทุกอย่างเกิดขึ้นจริง กระทรวง อว. จึงมุ่งเน้นการปฏิรูป 3 ด้าน คือ ระบบบริหาร กฎหมาย และงบประมาณ เพื่อให้สถาบันในพื้นที่มีอิสระในการคิด แต่มีความรับผิดชอบในการลงมือทํา
“นี่คือ Transformation Code ที่จะพาเราสู่ Thailand 5.0 อย่างแท้จริง นอกจากนี้ กระทรวง อว. ได้มีการผลักดันในเรื่อง ‘University Holding Company’ หรือ ‘บริษัทโฮลดิ้งของมหาวิทยาลัย’ ซึ่งถือเป็นโครงสร้างใหม่ในการบริหารจัดการธุรกิจนวัตกรรม จากงานวิจัยและองค์ความรู้ของมหาวิทยาลัย” โดยมีเป้าหมายให้เป็นสะพานนวัตกรรมที่ต่อยอดองค์ความรู้ของมหาวิทยาลัยสู่เศรษฐกิจจริง กระทรวง อว. มุ่งเน้นให้มหาวิทยาลัยไม่ได้อยู่เพียงในรั้ว แต่ ‘ลงไปอยู่ในใจของชุมชน’ ให้ได้จริง เป็นพื้นที่ที่สร้างนวัตกรรมที่ใช้ได้จริง เปิดกว้างสําหรับทุกวัย และเป็นระบบการศึกษาที่เปิดให้คนเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต" นายศุภชัย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี