ตำรวจกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) หรือ CIB เปิดปฏิบัติการ Fast Fraud Furious  ล่า Young Mastermind  จับอดีตแชมป์ประเทศไทยโครงงานธุรกิจของมหาวิทยาลัยชื่อดัง วางแผนลักทรัพย์รถยนต์ โดยใช้กลอุบาย ยึดได้ 14 คัน

วันนี้ (8 พ.ค.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) หรือ CIB มอบหมายให้ พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) พ.ต.อ.โอฬาร เอี่ยมประภาส พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม รอง ผบก.บก.ทล. พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล. พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ อำไพจิตร์ สวญ.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. ว่าที่ พ.ต.ต.ศรัณยพงศ์ อ่อนสิงห์ สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. พ.ต.ท.กฤตย์ ธีรเวศย์สุวรรณ สวญ.ส.ทล.2 กก.2 บก.ทล. ว่าที่ พ.ต.ท.วรฉัตร ฉลวยแสง สว.ส.ทล.2 กก.2 บก.ทล.และ พ.ต.ต.โจ เสาร์ประโคน สว.ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล.นำกำลังเปิดปฏิบัติการ Fast Fraud Furious  ล่า Young Mastermind จับกุมขบวนการใช้อุบายติดต่อหาเช่ารถจากบริษัทนิติบุคคลต่างๆ ก่อนเชิดหนี

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม 1.นายภัทรจารินทร์ (สงวนนามสกุล)  หรือแจ็ค หรือยิ้ม ทำหน้าที่ติดต่อใช้อุบายขอเช่ารถจากบริษัทต่างๆ และได้เป็น Master Mind ของขบวนการลักทรัพย์กลอุบาย 2.น.ส.มนัญชยา (สงวนนามสกุล)  ทำหน้าที่เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ สร้างความน่าเชื่อถือเป็นบริษัทนิติบุคคล มอบอำนาจเพื่อทำสัญญาเช่ารถ และรับมอบรถยนต์ 3.น.ส.พรพรรณ (สงวนนามสกุล) ทำหน้าที่ เป็นผู้รับมอบอำนาจจากนิติบุคคล และทำนิติกรรมสัญญาขอเช่ารถจากผู้เสียหาย และรับมอบรถยนต์ และ 4.น.ส.นวรัตน์  (สงวนนามสกุล) ทำหน้าที่ เป็นผู้ชำระเงินค่าเช่ารถล่วงหน้าให้ผู้เสียหาย (ฝากเงินผ่านเคาเตอร์ธนาคาร เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยรับเงินสดจากนายภัทรจารินทร์ ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดในความผิดข้อหาร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย

การจับกุมดังกล่าว เนื่องจากช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ตำรวจ กก.2 บก.ทล.ได้บุกทลายขบวนการฟอกขาวรถยนต์ และมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน พบว่ามีผู้เสียหาย เป็นเจ้าของบริษัทรถเช่าแห่งหนึ่ง ใน กทม.แจ้งว่า น่าจะมีรถยนต์จากบริษัทของตนเองที่ถูกกลุ่มผู้ต้องหากระทำการและหลอกนำรถยนต์ไป โดยผู้เสียหายรายนี้ให้รายละเอียดว่า เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มีนายแจ็ค (ขณะนั้นไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง) เข้ามาติดต่อ อ้างว่าเป็นพนักงานของนิติบุคคลแห่งหนึ่ง ย่านลำผักชี (บริษัท เอ็ม วาย เอ็น คิทเช่น 2043 จำกัด)  และใช้อุบาย โดยอ้างว่าทางนิติบุคคล ต้องการจะเช่ารถกระบะ 6 คัน เป็นระยะเวลา 5 ปี และตกลงค่าเช่ากันที่เดือนละ 19,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)  โดยจะต้องชำระเงินล่วงหน้า 1 เดือน จากนั้นมีการไปดูที่ตั้งสถานประกอบการของนิติบุคคล สร้างความน่าเชื่อถือ แลวแอบอ้างอีกว่าเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการชำแหละเนื้อสัตว์ปีกออกขาย จึงต้องการใช้รถกระบะ ขนย้ายสินค้าไปให้ผู้ประกอบการ โดยมี น.ส.พรพรรณ หรือต่าย แสดงตนเป็นผู้รับมอบอำนาจจากนิติบุคคล เป็นผู้ทำสัญญาเช่า และชำระค่าเช่ารถทั้ง 6 คันล่วงหน้า จนวันที่ 27 ม.ค.2568 มีการนัดส่งมอบรถกระบะ 6 คัน ที่โรงงานของบริษัท เอ็ม วาย เอ็น คิทเช่น 2043 จำกัด ภายในนิคมอุตสาหกรรมบึงโคล่ แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กทม.และในวันที่ 29 ม.ค.2568 หลังจากส่งมอบรถกระบะแล้ว ตรวจสอบระบบนำทาง หรือจีพีเอส ไม่ได้ จึงเชื่อว่าถูกถอดถอนไป แม้จะพยายามติดต่อกับผู้เช่า ก็ถูกบ่ายเบี่ยง และไม่สามารถติดต่อได้ ทำให้มั่นใจว่ารถน่าจะถูกนำไปขาย ต่อมาจึงเข้าร้องทุกข์กับตำรวจทางหลวง เพื่อขอให้ช่วยติดตามรถ และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด

จากการสืบสวนของตำรวจ กก.2 บก.ทล.พบว่ากลุ่มผู้ต้องหามีการใช้อุบายในการหลอกลวงเช่ารถยนต์ โดยมีลักษณะแผนประทุษกรรมรูปแบบเดียวกัน หลอกลวงผู้เสียหายอีก 4 ราย รวมมีรถที่ถูกเชิดไปทั้งสิ้น 24 คัน ในพื้นที่ สน.ลำผักชี 8 คัน สน.ทองหล่อ 4 คัน สน.พหลโยธิน 2 คัน และพื้นที่ สน.มักกะสัน 10 คัน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพื้นที่ สน.มักกะสัน เจ้าหน้าที่ ตำรวจ กก.2 บก.ทล.สืบสวนจนทราบว่ามีการหลอกลวงและยังไม่มีการส่งมอบรถ จึงติดต่อผู้เสียหายและยับยั้งความเสียหายไว้ได้ทันท่วงที

สำหรับพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ต้องหาได้สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 12 ล้านบาท โดยเมื่อกลุ่มผู้ต้องหากระทำการสำเร็จ ก็จะนำรถไปส่งขาย โดยขณะนี้พบว่ามีผู้เสียหายจากบริษัทต่างๆ รวม 4 บริษัท มีรถที่ถูกกลุ่มผู้ต้องหาเชิดหนีไป 14 คัน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติ 1 ในผู้ต้องหา พบว่าเป็นอดีตแชมป์ประเทศไทยโครงงานธุรกิจของมหาวิทยาลัยชื่อดัง แต่กลับหลงผิดใช้กลอุบายหลอกลวงผู้เสียหายดังกล่าว

015