การที่ไปภูแม่หม้าย หรือภูพนมดี โดยการเดินทางด้วยรถยนต์ เริ่มต้นที่สี่แยกไฟแดงใจกลางเมืองอำนาจเจริญ (หอนาฬิกา) อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ ไปตามถนนอรุณประเสริฐ(ถนนสายหลัก) เมื่อถึงบ้านดอนหวายให้เลี้ยวซ้าย เข้าถนนสายรอง ดอนหวาย – ชานุมาน เลยบ้านนาอุดมประมาณ 3 กิโลเมตร จะมองเห็นเจดีย์หินพันล้านก้อนตั้งสูงตระหง่านอยู่บนภูเขาพนมดี เป็นจุดเด่น เป็นที่สะดุดตาแก่นักท่องเที่ยวยิ่งนัก
จากป้ายบอกทางเข้าภูพนมดีสู่ถนน ลัดเลาะตามไร่ยางพาราไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลัง ที่ปลูกอยู่2 ข้างทางไปเรื่อยๆ ระยะทาง3 กิโลเมตร ไต่เขาขึ้นไปอย่างช้าๆ ระหว่างขับรถขึ้นเขา จะมองเห็นกุฏิสงฆ์ตั้งอยู่ในซอกหินเป็นระยะๆจนถึงยอดภูเขาพนมดี
เมื่อยืนอยู่บนยอดภูพนมดี กระแสลมพัดกระทบกายเป็นระยะๆ โดยเฉพาะช่วงปลายฤดูร้อนสู่ฤดูฝน ท้องฟ้ามีเมฆฝนปกคลุมทั่วบริเวณ บางวันมีสายฝนปอยคล้ายหิมะ ทำให้อากาศไม่ร้อน เย็นสบาย ประกอบกับ ปกคลุมด้วยใบไม้ ร่มรื่น เหมาะในการเดินเขาท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ที่ สดชื่น ร่มเย็น ยิ่งนัก พร้อม สัมผัสแมกไม้นานาพันธุ์ ทำให้จิตใจเป็นสุข มีชีวิตชีวา ดีมาก
บริเวณยอดภูเขา เป็นที่ตั้งของวัดภูพนมดี พื้นที่บ้านนาอุดม ต.หนองไฮ อ.เสนางคนิคม จ.อำนาจเจริญ สังกัดธรรมยุติ มีกุฏิหลายหลัง ตั้งอยู่ตามถ้ำหรือซอกหิน ศาลาการเปรียญ ตั้งอยู่บนลานหิน ท่ามกลางแมกไม้นานาพันธุ์ผลิดอกออกใบ อย่างสวยงาม
สำหรับ ภูพนมดีอยู่ในแนวเทือกเขาภูพาน เดิมมีชื่อเรียกว่า “ภูแม่หม้าย” เนื่องจากบริเวณภูเขาแห่งนี้ มีความอุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่จำนวนมาก จึงเป็นแหล่งอาหารคลังอาหารชั้นยอด ชาวบ้านมักจะเข้ามาล่าสัตว์ไปทำอาหารและตัดต้นไม้ ทำบ้านเรือนเป็นประจำ โดยเฉพาะหัวหน้าครอบครัวที่เข้ามาล่าสัตว์และตัดต้นไม้ จะเกิดอาถรรพ์ ทำให้ล้มป่วยเสียชีวิต ภรรยาขาดสามี ทำให้เป็นหม้าย ทั้งหมู่บ้าน จึงถูกเรียกว่า
“ภูแม่หม้าย” เชื่อว่า เจ้าป่า เจ้าเขา ที่ปกป้องผืนป่าแห่งนี้แสดงอิทธิฤทธิ์ ทำให้ชาวบ้านไม่กล้าเข้าไปตัดไม้ทำลายป่า กระทั่งปัจจุบัน ส่วนจะหาของป่าหรือสัตว์ป่าไปทำอาหารต้องขอท่านเจ้าป่าเจ้าขาเสียก่อน จะไม่เกิดภัยอันตรายใดๆ
เมื่อครั้ง พระกรรมฐานผ่านมาและได้ปักกลดปฏิบัติธรรม เมื่อทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ได้เปลี่ยนชื่อจากภูแม่หม้าย เป็น ภูพนมดี เพื่อความเป็นสิริมงคล แต่ทางราชการ เรียกว่า “ภูผาดี” ซึ่งพื้นที่โดยรอบของภูพนมดี ประกอบด้วย 1.ผาดี หน้าผาชมธรรมชาติ 2.หนองหมาจอก 3.ผากล้วยไม้ 4.ป้อมฝรั่งเศส 5.ถ้ำเกีย(ค้างคาว) 6.ถ้ำปู่อังคฮาด 7.ถ้ำแสงแก้ว 8.เจดีย์หินพันล้านก้อน 9.เรือสำเภาราชสีห์ 10.พระศรีรัตนตรัยรัตน์
สำหรับประวัติการก่อสร้างเจดีย์หินพันล้านก้อน เล่าต่อๆ กันมาว่า ในวันเพ็ญ 15 ค่ำ ชาว ต.หนองไฮ ห่างจากภูพนมดีประมาณ 5 กิโลเมตร มักจะพบเห็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ แปลกประหลาดเกิดขึ้นเสมอ ซึ่งชาวบ้านจะพบเห็นลำแสงสีเขียวพาดผ่านถ้ำปู่อังคฮาดไปยังถ้ำแสงแก้ว และเชื่อว่า ปู่อังคฮาดแสดงปาฏิหาริย์ ซึ่งเป็นผู้ปกป้องรักษาบริเวณพื้นป่าและเทือกเขาแห่งนี้ให้อุดมสมบูรณ์ ไม่ให้ตัดไม้ทำลายป่า ต่อมา พ.ศ.2530 พระอาจารย์ปัญญา จากวัดสุปัฏวนารามวรวิหาร จ.อุบลราชธานี ได้มาปฏิบัติธรรม ร่วมกับพระอาจารย์เพียว พระอาจารย์โจ ระหว่างวิปัสสนากรรมฐาน พระอาจารย์ปัญญา นิมิตอัศจรรย์ขึ้น ซึ่งเหล่าเทวดา ต้องการให้สร้างสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ จึงนำเรื่องไปปรึกษาญาติโยม จึงให้สร้างสิ่งมงคลสำหรับกราบไหว้บูชา และควรสร้างเจดีย์ เพื่อความเป็นสิริมงคล สำหรับพุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชา เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจด้วย
กระทั่งปี พ.ศ.2529 คณะสงฆ์และชาวบ้าน ต.หนองไฮ อ.เสนางคนิคม จ.อำนาจเจริญ ร่วมกันดำเนินการก่อสร้าง พระพุทธรูปปางมารวิชัย สีขาวทั้งองค์ บนหน้าผา นามว่า “พระศรีรัตนตรัยรัตน์” พร้อมกับสร้างบันได 245 ขั้น เพื่อเป็นทางขึ้นลงภูเขาของพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชน
ต่อมา ปี พ.ศ.2542 พระอาจารย์ปัญญา เจ้าอาวาสองค์แรก ร่วมกับชาวบ้าน ก่อสร้างเจดีย์ ทำจากหินภูเขาสีขาว ที่ชาวบ้านคัดแยก ขนาดตามต้องการ ติดกับโครงสร้างรูปร่างเจดีย์ นับพัน นับล้านก้อน กลายเป็นรูปร่างเจดีย์หินพันล้านก้อน มีความสูง 30 เมตร ฐานกว้าง 20 เมตร ซึ่งภายในเจดีย์ เป็นที่สำหรับปฏิบัติธรรม ประกอบพิธีทางศาสนา และยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและรูปหล่อพระเกจิอาจารย์ชั้นนำที่มรณภาพไปแล้ว เช่น หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่ชา สุภัทโท เป็นต้น รวมถึงภาพเขียนประวัติพระพุทธเจ้าอย่างสวยงาม อย่างที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน
สำหรับเรือสำเภาราชสีห์ อยู่ห่างจากเจดีย์หินพันล้านก้อน ประมาณ 20 เมตร เดิมสร้างเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในการก่อสร้างเจดีย์ มีลักษณะเป็นรูปเรือสำเภา หัวเป็นราชสีห์ กลางเรือ ภาพแกะสลักรูปพระนอนทอดยาวไปตามเรือสำเภาอย่างสวยงาม ซึ่งเรือสำเภาราชสีห์ สร้างเสร็จ เมื่อปี 2547 ใช้เวลาก่อสร้าง 6 ปี
จากประติมากรรม งานทำมือชาวนาตำบลหนองไฮ อำเภอเสนางคนิคม จังหวัดอำนาจเจริญ แสนจะน่าทึ่ง ก่อสร้าง “เจดีย์หินพันล้านก้อน” กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ บ่งบอกถึงความอดทน ความสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนในชุมชนได้เป็นอย่างดี…
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี