กทม.ปิดศูนย์ฯ
รื้อซากตึกสตง.
ตร.จ่อหมายจับ
17รายทำพังถล่ม
กทม.แถลงปิดศูนย์ฯเหตุแผ่นดินไหวทำตึก สตง.ถล่ม ส่งต่อหน่วยงานตรวจสอบ ด้าน ตร.อายัดพื้นที่ เก็บหลักฐานเพิ่ม ผู้ว่าฯ กทม.ขอบคุณทุกฝ่ายร่วมใจทำงาน ขณะที่ พงส.จ่อยื่นศาลออกหมายจับ17ราย ทั้งวิศวกร-ผู้ควบคุมงาน-บริษัทกิจการร่วมค้า เอาผิดตาม พรบ.ควบคุมอาคารฯ
เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.นำทีมแถลงข่าวปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตจตุจักร จากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 โดยมี รศ.ทวิดา กมลเวชชรองผู้ว่าฯ กทม. พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผบก.กองพิสูจน์หลักฐานกลาง (พฐก.) ผู้แทนกรมโยธาธิการและผังเมือง เลขาฯ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง น.ส.ภัทร์กร สินสุข ผอ.เขตจตุจักร นายสุริยชัย รวิวรรณ ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมแถลง ที่บริเวณหน้าห้างเจเจมอลล์
น.ส.ภัทร์กร ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ฯ กล่าวปิดศูนย์ฯ จากการติดตามสถานการณ์และปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พังถล่มลงมารวม 48 วัน ปัจจุบันได้เข้าสู่ภาวะปกติ โดยปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตจตุจักรอย่างเป็นทางการ มีผลวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 เวลา 16.00 น.โดยขอประชาสัมพันธ์ว่าวันที่ 13-15 พฤษภาคม จะมีการขนย้ายวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ตู้คอนเทนเนอร์และเครื่องจักรหนัก ออกจากพื้นที่ อาจจะไม่สะดวกในการสัญจรของพี่น้องประชาชนขอให้หลีกเลี่ยงเส้นทางและใช้ความระมัดระวัง
ผอ.เขตจตุจักร ได้กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถในยามวิกฤต ทั้งอาสากู้ภัยหรือหน่วยงานทหารทุกเหล่าทัพ สุนัข k9 สาธารณูปโภคต่างๆ และประชาชนที่มีมีน้ำใจบริจาคสิ่งของ รวมทั้งเจเจมอลล์ที่อนุเคราะห์ให้ใช้พื้นที่ โดยที่ลืมไม่ได้คือพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ที่ทรงห่วงใย มีพระเมตตาต่อผู้ปฏิบัติงานทั้งเรื่องความเป็นอยู่และอาหารการกิน ตั้งโรงครัวพระราชทานตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน ทำให้พวกเรามีขวัญกำลังใจและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ และขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกแขนงรวมถึงกำลังใจที่ให้พวกเรา และขอบคุณทุกความเสียสละของทุกภาคส่วนท้ายที่สุดขอแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสียเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ขอคืนพื้นที่ให้ สตง.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าดำเนินการต่อไป
ด้านนายชัชชาติ กล่าวว่า กทม.ออกหนังสือ 3 ฉบับ 1.ส่งไปที่หน่วยงานราชการและทหาร จะ ปฏิบัติหน้าที่ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2.แจ้งไปที่ สตง.เจ้าของพื้นที่ว่าจะยุติและออกจากพื้นที่วันที่ 15 พฤษภาคม เวลา 16.00 น.และ 3.ส่งไปถึงคณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้น ที่มีกรมโยธาธิการและผังเมืองและกองพิสูจน์หลักฐานเจ้าพนักงานตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนจะมีคำสั่งอย่างไรก็แล้วแต่คณะกรรมการเป็นผู้ดำเนินการต่อไป ในส่วนของ กทม.ภารกิจหลักหมดเท่านี้แต่เราก็ยังอยู่ หากหน่วยงานต้องการให้ช่วยเหลือจุดไหนเราก็พร้อมให้การสนับสนุน
“ภารกิจนี้เป็นความร่วมมือร่วมใจกันที่เข้มแข็งในแต่ละวันที่ผู้ปฏิบัติงานเข้าพื้นที่ 600-800 คน มีด้านนอกอีกเกือบ 500 รวมๆ วันละ 1,000-1,200 คน ยังไม่รวมที่อยู่ที่หน่วยงานต่างๆที่ซัพพอร์ตเข้ามา ในการรื้อถอนซากอาคารใช้เวลา 49-50 วัน ใกล้เคียงกับที่เราประกาศไว้ตั้งแต่วันที่เกิดแผ่นดินไหวว่าจะสามารถเคลียร์พื้นที่ได้ใน 1-2 เดือน เป็นภารกิจที่ใหญ่ต้องขอบคุณทุกคนที่มาร่วมกัน ชีวิตก็ต้องก้าวเดินต่อไป เดี๋ยวก็ต้องมาเจอกันอีก ต้องมีปัญหาให้เราแก้ในอนาคตอีกแน่นอน“ ผู้ว่าฯกทม.กล่าว
ขณะที่ พล.ต.ต.วาที กล่าวว่า กองพิสูจน์หลักฐานกลางรับผิดชอบ 2 ส่วน คือ 1.ศูนย์ปฏิบัติการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ตั้งแต่วันแรก มีศพเข้ามา 89 ราย แบ่งเป็นร่าง 80 และ 9 รายที่เป็นชิ้นส่วน ปัจจุบันพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลไปแล้ว 72 ราย แม้จะมีการยุติการค้นหาร่างแล้วแต่ทางพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลยังคงตรวจสอบดีเอ็นเอ 200 กว่าชิ้นส่วนที่ส่งมา ซึ่งมีรายชื่ออยู่ในมือเพิ่มขึ้นอีก 14 ราย โดยช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ จะปล่อยศพออกได้ ส่วนที่เหลืออีก 3 ศพ คือชิ้นส่วนที่ยังไม่สามารถเทียบกับใครได้ ยังมีข้อมูลจากญาติศพจากเมียนมา ที่ยังไม่สามารถส่งเข้ามาได้ และที่ยังไม่สามารถระบุดีเอ็นเอได้
2.วัตถุพยาน ในระหว่างการค้นหาร่างมีการเก็บวัตถุพยานเรียบร้อยแล้วทั้งในโซน A B C และ D ทั้งชิ้นส่วนของเหล็กและคอนกรีต โดยทำงานร่วมกับกรมโยธาธิการฯ เก็บเหล็กไป 366 เส้น คอนกรีต 237 แท่ง ทั้งหมดมี 603 รายการที่เป็นการเก็บตัวอย่างจากอาคารที่ถล่ม ในส่วนอาคารที่ไม่ถล่มได้เก็บแท่งคอนกรีตจากโถงทางเดิน โถงลิฟต์ ปล่องลิฟต์ บันไดหนีไฟ 41 ก้อน และจากบ่อลิฟต์อีก 40 ก้อน หลังจากที่มีการปิดศูนย์วันที่ 15 พฤษภาคม ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะอายัดสถานที่ทั้ง 2 แห่ง พื้นที่อาคารถล่มและกล่องซากปูนที่ไปกองไว้ในพื้นที่ตรงบางซื่อ จะมีการเก็บตัวอย่างเพิ่มในเวลาที่กำหนด พื้นที่ของ สตง. อายัดถึงวันที่ 31 พฤษภาคม ที่กองปูนอายัดถึงวันที่ 20 พฤษภาคม
ส่วน รศ.ทวิดา กล่าวถึงการเยียวยาและช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ ว่าจากที่มีประชาชนร้องขอความช่วยเหลือ ได้ปิดไปเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ส่วนใหญ่ใน 40,000 กว่าเคส จะเป็นเรื่องการขอค่าวัสดุซ่อมแซมบ้าน ส่วนที่เป็นค่าอื่นๆน้อยมากหลักสิบ ยอดการช่วยเหลือประชาชน ขณะนี้อยู่ที่ 176 ล้านบาท สำหรับยอดการใช้น้ำมันในปฏิบัติการในส่วนรถเครนต่อวัน 3,000-6,000 กว่าลิตร/วัน เฉลี่ยใช้ค่าน้ำมันวันละ 2 แสนบาท ยังไม่รวมน้ำมันที่ใช้ในส่วนอื่นรวม 50 วันโดยประมาณ เป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ซึ่งยังคำนวณไม่ได้ ยังไม่นับรวมค่าซ่อมแซมวัสดุอุปกรณ์ของผู้ที่มาร่วมภารกิจ มีการซ่อมทุกวันรายการซ่อมมีบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร รวมถึงเจ้าหน้าที่เอกชนหรืออาสาที่มาช่วยปฏิบัติงานซึ่งทางเอกชนได้จ้างมาก็เป็นค่าใช้จ่าย และในส่วนผู้ประกอบการที่ในช่วง 4 วันแรกได้ปิดถนนทั้ง 2 ฝั่งมีประชาชรที่ประกอบการอยู่เดือดร้อน ซึ่งเราจะทำเรื่องขอไปทางกรมบัญชีกลาง ขอขยายวัตถุประสงค์เงินช่วยเหลือให้สามารถอุดหนุนไปถึงในส่วนนี้ด้วย ซึ่งจะทำตัวเลขนี้ประมาณการหลัก 10 ล้านบาทขึ้นไปให้พิจารณาขอขยายทั้งวัตถุประสงค์และจำนวนเงินช่วยเหลือจากเดิมวงเงิน 200 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน บช.น.ได้รวบรวมพยานหลักฐานในคดีอาคารสตง.ทั้งพยานแวดล้อม พยานวัตถุและพยานเอกสาร ตั้งแต่เริ่มการทำทีโออาร์ และสัญญาการจ้างออกแบบ การจ้างควบคุมงานและการจ้างการก่อสร้าง รวมถึงพยานวัตถุชิ้นส่วนเหล็ก คอนกรีต ทางพนักงานสอบสวนได้นำผลการตรวจสอบการออกแบบ จากสภาวิศวกร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ และผู้เชี่ยวชาญของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาประกอบสำนวนคดี และผลการตรวจเหล็ก ปูน กว่า 300 ชิ้น ผลการตรวจสอบลายเซ็นจากกองพิสูจน์หลักฐาน นำมาประกอบสำนวนคดีและพิจารณากลุ่มบุคคลที่พบการกระทำความผิด เป็นเหตุให้อาคาร สตง.พังถล่ม
มีรายงานข่าวว่า ขณะนี้คณะพนักงานสอบสวนชุดทำคดีได้รวบรวมเอกสารพยานหลักฐาน ยื่นขออำนาจศาลออกหมายจับ รวม 17 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือบริษัทกิจการร่วมค้า กลุ่มผู้รับเหมาควบคุมงาน และกลุ่มวิศวกรที่เซ็นรับรอง ในความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร มาตรา 227 และมาตรา 238 ออกแบบควบคุมหรือทำการก่อสร้างฯ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี