สส.วิโรจน์ ปธ.กมธ.การทหาร ชี้ พรฎ 2481 เป็นรากเหง้าปัญหาของการแก้ไขที่ดิน จ.กาญจนบุรี
วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เวลา 14.30 น. ที่ห้องประชุมบุษราคัม องค์การบริหารส่วนจังหวัดหวัดกาญจนบุรี นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายเชตวัน เตือประโคน รองประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร นายพนม โพธิ์แก้ว สส.จังหวัดกาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย เขต 5 โฆษกคณะกรรมาธิการ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ โฆษกคณะกรรมาธิการ ประชุมหารือเพื่อพิจารณาปัญหาข้อพิพาทเกี่ยวกับที่ดินที่อยู่ในความครอบครองของทหารกับประชาชนในพื้นที่ จังหวัดกาญจนบุรี ตามพระราชบัญญัติกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินในท้องที่อำเภอเมืองกาญจนบุรี อำเภอเมืองวังขนาย อำเภอบ้านทวน และอำเภอวังกะ จังหวัดกาญจนบุรี พุทธศักราช 2481
โดยมีนายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช รอง ผวจ.กาญจนบุรี กล่าวต้อนรับ มีผู้แทนกองพลทหารราบที่ 9 มทบ.17 ที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี ธนารักษ์กาญจนบุรี สปก.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ รวมถึง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และภาคเอกชนและประชาชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
สำหรับบรรยากาศในที่ประชุมเป็นไปอย่างเข้มข้น เพราะในที่ประชุมเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนได้สอบถามและให้หน่วยงานภาครัฐตอบข้อซักถามได้อย่างเต็มที่ ซึ่งบางครั้งนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ประธานในที่ประชุมต้องออกมาอธิบายและร้องขอให้ผู้ที่เข้าร่วมประชุมค่อยๆพูดจากัน ทำให้บรรยากาศในที่ประชุมผ่อนคลายลงสุดท้ายผ่านไปด้วยดี โดยใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมงจึงปิดการประชุม
ทั้งนี้ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยภายหลังว่า ในที่ประชุมคณะกรรมาธิการทหารนั้นทางท่านพนม โพธิ์แก้ว สส.จังหวัดกาญจนบุรีพรรคเพื่อไทยในฐานะประธานอนุกรรมาธิการฯได้มีความใส่ใจในเรื่องปัญหาที่ดินที่ทับซ้อนระหว่างกองทัพกับประชาชนเป็นอย่างมาก
เพราะต่างก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นที่จังหวัดกาญจนบุรีร้อยละ 70 ถ้าเราไม่สามารถแก้ไขหรือหาแนวทางแก้ไขให้เป็นรูปธรรมเป็นขั้นเป็นตอนได้ จะส่งผลทำให้ศักยภาพของจังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัดอื่นๆที่มีรูปแบบปัญหาในลักษณะเดียวกันถูกกักขังเอาไว้ ซึ่งมันจะส่งผลกระทบทั้งเรื่องปากท้องและเศรษฐกิจ เพราะการนำที่ดินไปพัฒนามันเกิดขึ้นไม่ได้ เมื่อนำที่ดินไปพัฒนามันไม่เกิด การประกอบอาชีพมันก็ไม่มี ซึ่งในรายละเอียดของพระราชกฤษฎีกา 2481 เป็นรากเหง้าของปัญหาทั้งหมด ซึ่งท่าน สส.พนม โพธิ์แก้ว เป็นคนในพื้นที่ได้เกาะติดปัญหามาโดยตลอดและถือว่าเก่งที่สุดในคณะกรรมาธิการทหารแล้ว
โดยกรรมาธิการการทหาร เรามีคณะอนุกรรมาธิการฯโดยมีท่าน สส.พนม โพธิ์แก้ว เป็นประธาน มีท่านเชตวัน เตือประโคน เป็นรองประธานฯซึ่งจะช่วยกันทำหนังสือขอความกรุณาจากทาง อบจ.กาญจนบุรีในการขอใช้พื้นที่ห้องประชุมเพื่อประชุมคณะอนุกรรมาธิการฯ ซึ่งทางรองนายก อบจ.กาญจนบุรี ได้ตอบรับในที่ประชุมมาแล้ว เหตุผลการขอใช้ห้องประชุม อบจ.กาญจนบุรีนั้นเป็นเพราะว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งผู้นำชุมชนและประชาชนจะได้เดินทางอย่างสะดวกในการมาร่วมกันประชุมเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้รวดเร็วและเป็นจริง
ที่สำคัญคืออีกไม่นานแนวเส้นทางโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (M81)สายบางใหญ่-กาญจนบุรี จะเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อความเจริญมาถึงจังหวัดกาญจนบุรี แต่ศักยภาพในที่ดินถูกกดทับด้วยพระราชกฤษฎีกา 2481 จังหวัดกาญจนบุรีก็ยังไม่สามารถพัฒนาให้เกิดความเจริญก้าวหน้าต่อไปได้
ดังนั้นถ้าเราสามารถคลี่คลายปัญหาของพระราชกฤษฎีกา 2481 นี้ได้ และรัฐบาลมีข้อเสนอที่เป็นจริงในทางปฏิบัติ หากสำเร็จเชื่อได้เลยว่าพื้นที่ด้านความมั่นคงทางทหารจะได้รับการดูแลโดยการใช้แผนที่ที่ทำขึ้นให้เป็นปัจจุบันที่สอดคล้องต่อบริบทความมั่นคงในยุคปัจจุบัน ไม่ใช่ยุคของพระราชกฤษฎีกา 2481 อีกต่อไป ขณะเดียวกันจะทำให้การทำมาหากินและสภาพเศรษฐกิจของจังหวัดกาญจนบุรีมีศักยภาพที่ขยายตัวมากเพิ่มขึ้นไปด้วย เชื่อว่าหากพระราชกฤษฎีกา 2481 ถูกแก้ไขได้สำเร็จ ปัญหาในหลายๆอย่างจะถูกคลี่คลายไปพร้อมๆกัน
แต่เราก็ต้องฝากความหวังไว้กับท่าน สส.พนม โพธิแก้ว และท่านเชตวัน เตือประโคน ประธานและรองประธานอนุกรรมาธิการฯและทั้งสองท่านก็ต้องฝากความหวังเอาไว้กับประชาชนชาวกาญจนบุรีด้วยว่าจะเข้ามาดำเนินการช่วยกันผลักดันมากน้อยแค่ไหน ในส่วนของคณะกรรมาธิการทหาร จะผลักดันให้สำเร็จโดยเร็ว
ด้านนายพนม โพธิ์แก้ว สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย เขต 5 ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการทหาร เปิดเผยว่า ประเด็นปัญหาเรื่องพระราชกฤษฎีกา 2481 ตามที่ท่านประธานกรรมาธิการการทหารได้นำเข้าที่ประชุมในวันนี้ เกี่ยวกับการเข้าถึงสิทธิ์ในที่ดินทำกินและแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ เพื่อรองรับสภาพเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นจากการเข้าถึงของเส้นทางโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (M81)สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ในเร็วๆนี้นั้น ท่านวิโรจน์ ได้ลงพื้นที่เพื่อผลักดันและแก้ไขปัญหานี้ให้ได้โดยเร็ว
ซึ่งการประกาศออกพระราชกฤษฎีกา 2481 เพื่อใช้ประโยชน์ทางราชการโดยกระทรวงกลาโหม จำนวน 3.5 ล้านไร่ ในยุคนั้นชาวกาญจนบุรีต่างก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าที่มาที่ไปมาจากโรงงานกระดาษ ซึ่งวันนี้โรงงานกระดาษได้ปิดกิจการลงแล้วมานานหลายปี ดังนั้นทางกรรมาธิการการทหารจะได้ลงพื้นที่อีกครั้งหนึ่งเพื่อรวบรวมข้อมูลรายละเอียดทั้งหมด ว่าทุกวันนี้ประชาชนชาวกาญจนบุรีอาศัยอยู่ในพื้นที่พระราชกฤษฎีกา 2481 จำนวนเท่าไหร่ มีพื้นที่รวมกันกี่ไร่ จากนั้นจะนำเรื่องนี้เสนอไปยังกองทัพบกเพื่อให้กองทัพบกทบทวนคืนพื้นที่ให้กับกรมธนารักษ์เพื่อให้ประชาชนได้มีพื้นที่ทำกิน และเข้าถึงแหล่งเงินทุน
ส่วนตัวแล้วเชื่อว่าท่าน ผบ.ทบ.คนปัจจุบันจะไม่ใจไม้ไส่ระกำต่อชาวบ้านเพราะโรงงานกระดาษได้ปิดกิจการลงไปนานแล้ว พื้นที่ส่วนไหนกองทัพบกจำเป็นต้องใช้ชาวบ้านองก็คงไม่ว่าอะไร แต่ส่วนพื้นที่บริเวณไหนที่ไม่จำเป็นก็ขอให้ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์กันอย่างเต็มที่และถูกต้องตามกฎหมาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี