กทม. แจงเหตุ “ตัดบ้านคืนคลอง” พร้อมเดินหน้าสร้างเขื่อนริมคลองเปรมฯ – เร่งสร้างความเข้าใจผู้รุกล้ำ / เผยปัญหาอุปสรรคทำล่าช้า! มีผู้บุกรุกจำนวนมาก 6 ปี รื้อย้ายบ้านได้แค่ 1,767 จาก 4,398 หลัง
นายเจษฎา จันทรประภา ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กล่าวกรณีชาวชุมชนริมคลองเปรมประชากรร้องเรียนเจ้าหน้าที่เลือกปฏิบัติด้วยการตัดบ้านคืนคลองและซ่อมแซมบ้านให้กับชาวบ้านที่รุกล้ำแนวเขื่อนริมคลองเปรมประชากร โดยไม่ต้องเข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคง ว่า สำนักการระบายน้ำ (สนน.) ได้จ้างเหมาดำเนินการก่อสร้างเขื่อนริมคลองเปรมประชากร เริ่มตั้งแต่สุดเขตกรุงเทพมหานครถึงถนนเทศบาลสงเคราะห์ โดยได้ก่อสร้างเขื่อนพร้อมทางเดินบริเวณริมคลองทั้งสองฝั่ง จัดทำระบบรวบรวมน้ำเสีย และขุดลอกคลองไปในคราวเดียวกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำและป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ซึ่งการดำเนินโครงการฯ ดังกล่าวได้ประสานหน่วยงานต่างๆ ร่วมลงพื้นที่และแบ่งภาระงานรับผิดชอบ โดยกรณีมีการรุกล้ำที่ไม่ยินยอมรื้อย้ายในแนวก่อสร้างเขื่อน สำนักงานเขตพื้นที่จะดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมาย ส่วนกรณีรุกล้ำแนวก่อสร้างบ้านมั่นคง (นอกแนวก่อสร้างเขื่อน) กรมธนารักษ์จะดำเนินการโดยใช้มาตรการทางกฎหมาย
“สำหรับกรณีที่มีการรื้อบ้านรุกล้ำแนวก่อสร้างเขื่อนและซ่อมบ้านคืนให้กับชาวบ้าน เนื่องจากในการก่อสร้างเขื่อน มีการขยายคลองให้กว้างขึ้น ซึ่งในบางพื้นที่มีการรื้อย้ายไม่ต่อเนื่อง เมื่อผู้รับจ้างเข้าไปก่อสร้างเขื่อน หากชาวบ้านให้ความร่วมมือรื้อย้ายส่วนที่กีดขวางแนวก่อสร้างให้เพียงพอที่จะนำโป๊ะและเครื่องจักร สามารถเข้าไปทำงานก่อสร้างได้ ผู้รับจ้างก็จะสนับสนุนการรื้อย้ายและซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย อย่างไรก็ตามกรณีที่มีการก่อสร้างเขื่อนก่อนการก่อสร้างบ้านมั่นคง ยังได้กันพื้นที่ไว้สำหรับการก่อสร้างบ้านมั่นคงในอนาคต ซึ่งหากไม่ได้รับความร่วมมือการรื้อย้ายบ้านรุกล้ำที่อยู่ในแนวก่อสร้างบ้านมั่นคง (นอกแนวก่อสร้างเขื่อน) กรมธนารักษ์จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” นายเจษฎา กล่าว
ส่วนการขับเคลื่อนการพัฒนาคลองเปรมประชากร สนน. ได้ร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่ กรมธนารักษ์ และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. ประชุมหารือสร้างความเข้าใจและลงพื้นที่ร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะทำงานในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาในการพัฒนาคลองเปรมประชากรระดับพื้นที่เขต มีผู้อำนวยการเขตเป็นหัวหน้าคณะทำงาน เพื่อขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ แต่ยังมีผู้บุกรุกอีกจำนวนมากที่ยังไม่ให้ความร่วมมือ ผู้ว่าฯกทม. จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเร่งรัดและขับเคลื่อนการดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางกฎหมายกับผู้รุกล้ำคลองเปรมประชากรและคลองลาดพร้าว ควบคู่กับการเจรจาสร้างความเข้าใจ ปัจจุบันโครงการก่อสร้างเขื่อนริมคลองเปรมประชากร รวม 4 ช่วง ตั้งแต่ถนนเทศบาลสงเคราะห์ถึงสุดเขตกรุงเทพฯ รื้อย้ายบ้านเรือนแล้ว 1,767 หลัง จากทั้งหมด 4,398 หลัง (32 ชุมชน) คิดเป็นร้อยละ 40.18 ส่งมอบพื้นที่รวมระยะทาง 13,649 เมตร จากความยาวทั้งหมด 25,280 เมตร คิดเป็นร้อยละ 54 และก่อสร้างเขื่อนความยาว รวม 12,729 เมตร คิดเป็นร้อยละ 50.35
ทั้งนี้ การพัฒนาคลองเปรมประชากรมีโครงการสำคัญ 2 โครงการ คือ โครงการก่อสร้างเขื่อนและโครงการบ้านมั่นคง หน่วยงานเกี่ยวข้องได้สร้างความเข้าใจกับผู้รุกล้ำ เพื่อเข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคง และเมื่อโครงการมีความคืบหน้าถึงขั้นตอนการรื้อย้ายบ้านรุกล้ำแล้ว สนน. จะเข้าพื้นที่ดำเนินการก่อสร้างเขื่อน และ พอช. จะก่อสร้างบ้านมั่นคงตามลำดับ ที่ผ่านมาได้ก่อสร้างเขื่อนมาต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม พบปัญหาอุปสรรคที่ทำให้ล่าช้า อาทิ ปัญหาความล่าช้าการรื้อย้ายและส่งมอบพื้นที่ เนื่องจากมีผู้บุกรุกจำนวนมากไม่ให้ความร่วมมือ ส่งผลให้ตลอดระยะเวลา 6 ปี (ตั้งแต่ปี 2562 - ปัจจุบัน) รื้อย้ายบ้านได้เพียง 1,767 หลัง จากทั้งหมด 4,398 หลัง ปัญหาการก่อสร้างบ้านมั่นคงก่อนการก่อสร้างเขื่อน ส่งผลให้บ้านมั่นคงได้รับความเสียหาย ประกอบกับการกัดเซาะของดินริมตลิ่ง ขณะที่การก่อสร้างเขื่อนไม่สามารถนำเครื่องจักรและเสาเข็มเข้าไปก่อสร้างได้ เนื่องจากสภาพคลองแคบและตื้นเขิน รวมทั้งไม่สามารถขุดลอกคลอง เพื่อลำเลียงเสาเข็มได้ เพราะจะทำให้บ้านรุกล้ำที่ยังไม่รื้อย้ายเกิดความเสียหายได้ รวมถึงไม่สามารถขุดลอกคลอง เพื่อเตรียมความพร้อมด้านการระบายน้ำได้ทันในช่วงเข้าสู่ฤดูฝน
037
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี