ตำรวจ บก.ปอท.กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) หรือ CIB ทลายคอกม้าจีนเทา ขบวนการฟอกเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์
วันนี้ (15 พ.ค.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) หรือ CIB มอบหมายให้ พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์ พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท.พ.ต.ท.ชัยเวง พาด้วง พ.ต.ท.ธนนชัยย์ ศรีบุญจันทร์ พ.ต.ท.จักรพงษ์ รุ่งกำจัด พ.ต.ต.ศุภเดช ธนชัยศิริ พ.ต.ต.วชิรเชษฐ์ อัครธีระพงศ์ ว่าที่ พ.ต.ต.ลัทธพล อัครปัญญา สว.กก.2 บก.ปอท.นำกำลัง ร่วมกับตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ตำรวจ สภ.บ้านฉาง และตำรวจ สภ.เมืองพัทยา เข้าจับกุมผู้ต้องหา 31 ราย เป็นคนไทย 18 ราย และคนจีน 13 ราย
สำหรับผู้ต้องหาทั้งหมด ประกอบด้วย 1.นายเนติพงษ์ หรือ ต๊อด ฯ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2251/2568 ลง 8 เม.ย.2568 , 2.นายสิทธิชัย หรือ เจมส์ ฯ อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2258/2568 ลง 8 เม.ย.2568 , 3.นายศุภกร หรือ ตั๊ก ฯ อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2252/2568 ลง 8 เม.ย.2568 , 4.MR. CHUANBO (นายฉวนโป๋) สัญชาติจีน อายุ 26 ปี , 5.MR. MAOYANG (นายเหมาหยาง) สัญชาติจีน อายุ 36 ปี , 6.MR. FENGLIU (นายเฟิ่งหลิว) สัญชาติจีน อายุ 30 ปี , 7.นายกฤษฎา ฯ อายุ 24 ปี , 8.นายศุภกานต์ ฯ อายุ 18 ปี , 9. นายณัฐวุฒิ ฯ อายุ 17 ปี , 10.น.ส.พัทธมน ฯ อายุ 18 ปี
11. น.ส.พิชญธิดา ฯ อายุ 23 ปี , 12. น.ส.รุจิรดา ฯ อายุ 18 ปี , 13. น.ส.ภรภัทร ฯ อายุ 18 ปี , 14. น.ส.เกวลี ฯ อายุ 24 ปี 15. น.ส.นิภาพร ฯ อายุ 30 ปี , 16. นายเพิ่มศักดิ์ ฯ อายุ 22 ปี , 17. นายอาทิตย์ ฯ อายุ 37 ปี , 18. นายจิรา ฯ อายุ 31 ปี , 19. นายธีระยุทธ ฯ อายุ 40 ปี , 20. น.ส.จรัญญา ฯ อายุ 38 ปี , 21. นายพงศ์พิสิฏฐ์ ฯ อายุ 17 ปี , 22. MR. ZHENGDONG (นายเจิ้นตง) สัญชาติจีน อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2321/2568 ลงวันที่ 10 เม.ย.2568 , 23. MR. XINYUAN (นายซินหยวน) สัญชาติจีน อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2527/2568 ลงวันที่ 25 เม.ย.2568
24. MR. JIANBO (นายเจี่ยนโป๋) สัญชาติจีน อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 2319/2568 ลงวันที่ 10 เม.ย.2568 , 25. MR. KUN (นายคุน) สัญชาติจีน อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 2320/2568 ลงวันที่ 10 เม.ย.2568 , 26. MR. SHIWEN (นายซือเหวิน) สัญชาติจีน อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2325/2568 ลงวันที่ 10 เม.ย.2568 , 27. MR. QIAJIANG (นายเซี่ยเจียง) สัญชาติจีน อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2528/2568 ลงวันที่ 25 เม.ย.2568 , 28. MR. JINGTIAN (นายจิ้งเถียน) สัญชาติจีน อายุ 35 ปี , 29. MR. LUYANG (นายลู่หยาง) สัญชาติจีน อายุ 38 ปี , 30. MR. DAWEI (นายต้าเหวย) สัญชาติจีน อายุ 43 ปี และ 31. MR. JIAN (นายเจี้ยน) สัญชาติจีน อายุ 37 ปี
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาลำดับที่ 1–3 และ 22-27 ดำเนินคดีในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลบิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันเป็นอั้งยี่
ส่วนผู้ต้องหาลำดับที่ 4-11 ต้องหาว่ากระทำผิดฐานร่วมกัน เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใด ๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่น
ขณะที่ผู้ต้องหาลำดับที่ 12-21 ถูกดำเนินคดีในความผิดฐานเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด
ผู้ต้องหาลำดับที่ 28 - 31 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าและยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย
พร้อมกันนั้น ได้ยึดของกลางและทรัพย์สินต่างๆ ไว้ตรวจยึด ประกอบด้วย บัญชีธนาคาร 49 เล่ม, บัตรอิเล็กทรอนิกส์ 49 ใบ, โทรศัพท์มือถือ 66 เครื่อง, คอมพิวเตอร์ (โน๊ตบุ๊ก) 2 เครื่อง, รถยนต์ 3 คัน, จักรยานยนต์ 2 คัน, เงินสดกว่า 1 ล้านบาท และทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ อีกหลายรายการ รวมทรัพย์สินมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท
การจับกุมดังกล่าว เนื่องจากเมื่อประมาณปลายเดือนมีนาคม 2568 ผู้เสียหายพบเห็นโฆษณาทางเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ จึงได้กดลิงก์โฆษณา จากนั้นระบบอัตโนมัติได้นำผู้เสียหายไปยังกลุ่มไลน์ Open Chat ชื่อ “Shopping Center” ซึ่งกลุ่มไลน์ดังกล่าวมีสมาชิกกว่า 700 คน มีการพูดคุยเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าจำนวนมาก ผู้เสียหายสนใจที่จะลงขายสินค้าจึงได้ทักหาแอดมินของไลน์ Open Chat ดังกล่าว โดยแอดมินแจ้งว่าสามารถลงรูปพร้อมระบุราคาให้ชัดเจนแล้วลงขายได้เลย ผู้เสียหายจึงได้ลงขายสินค้า จำนวน 1 ชิ้น ในราคา 1,420 บาท ต่อมา มีลูกค้า (หน้าม้า) แจ้งว่าสนใจจะซื้อสินค้าและถามหารหัสร้านค้า ซึ่งแอดมินของกลุ่มจึงแจ้งว่าจะต้องมีการลงทะเบียนร้านค้าก่อน จากนั้นจึงส่งลิงก์เว็บไซต์ “SELLER CENTER” ให้ผู้เสียหายทำการลงทะเบียน โดยให้กรอกข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหาย จากนั้นแอดมินได้ส่งบัญชีผู้ใช้ไลน์ให้แก่ผู้เสียหาย โดยแจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี จะเป็นผู้ดูแลระบบร้านค้าและการเบิกถอนให้กับสมาชิก ต่อมา เจ้าหน้าที่การเงินได้แจ้งกับผู้เสียหายว่ามียอดเงินจากการขายสินค้าของผู้เสียหายเข้ามาในระบบแล้ว แต่ยังไม่สามารถถอนเงินได้ โดยออกอุบายว่า ผู้เสียหายยังไม่ได้ทำการทดสอบเปิดการมองเห็นร้านค้าครั้งแรก
จากนั้นได้เชิญผู้เสียหายเข้ากลุ่มไลน์ ชื่อ "เปิดการมองเห็นร้านค้า" ซึ่งมีสมาชิกเพียง 4 คน (กลุ่มเชือด) และให้ผู้เสียหายออกกลุ่มไลน์ Open Chat ชื่อ “Shopping Center” (กลุ่มเดิม) โดยคนร้ายอ้างว่าจะดึงผู้เสียหายกลับเข้ากลุ่มในภายหลังจากทำแบบทดสอบเสร็จ จากนั้นให้ผู้เสียหายและบุคคลในกลุ่มทำแบบทดสอบเพื่อเปิดการมองเห็นร้านค้า โดยคนร้ายอ้างว่าสมาชิกใหม่จะต้องมีการเติมยอดเงินเข้ามายังแพลตฟอร์ม จากนั้นทางแพลตฟอร์มจะนำเงินลงทุนมาหมุนเวียนสต็อกสินค้าเพื่อทำกำไรให้กับสมาชิกผ่านเว็บไซต์ ชื่อ “SELLER CENTER” โดยในการลงทุนครั้งแรกผู้เสียหายสามารถเบิกถอนเงินลงทุนและผลกำไรได้ปกติ ต่อมาเมื่อผู้เสียหายลงทุนเพิ่มมากขึ้นและต้องการจะถอนเงิน คนร้ายจะสร้างเงื่อนไขต่างๆ ให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าระบบเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถเบิกถอนเงินออกจากระบบได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอกลวง มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 2.9 ล้านบาท
จากการสืบสวนทราบว่า คนร้ายกลุ่มนี้ใช้บ้านพักตากอากาศแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ 4 ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เป็นคอกม้า โดยการนำเจ้าของบัญชีม้ามากักขังไว้และยึดอุปกรณ์สื่อสารทั้งหมด ไม่ให้มีการติดต่อกับบุคคลภายนอก นอกจากนั้นกลุ่มผู้ต้องหายังคอยควบคุมและบังคับให้ทำตามคำสั่ง หากขัดขืนจะถูกทุบตี ทำร้ายร่างกาย จากนั้นนำพาไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อรอรับออเดอร์จากชาวจีน (ผ่าน Telegram)
ต่อมาเมื่อมียอดเงินของผู้เสียหายที่ถูกประทุษร้ายโอนเงินเข้ามายังบัญชีม้าที่เตรียมไว้ กลุ่มคนร้ายจะควบคุมเจ้าของบัญชีม้าไปเบิกถอนเงินสดตามเคาน์เตอร์สาขาต่างๆ และมีการวิ่งกระจายกดเงินสดตามตู้ ATM หรือนำพาเจ้าของบัญชีม้าไปสแกนหน้าเพื่อนโอนเงินตามสถานที่นัดหมายของชาวจีน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาต่อศาล 3 ราย ซึ่งเป็นผู้ดูแลคอกม้า พาคนไปเปิดบัญชีม้า และกักขัง ควบคุมการเบิกเงินสดและการโอนเงินต่างๆ
จากนั้นเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 เวลาประมาณ 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2, กก.1 บก.ปอท. และ สภ.บ้านฉาง ได้เปิดปฏิบัติการครั้งแรก โดยร่วมกันเข้าทำการตรวจค้นจับกุมบ้านพักที่เป็นคอกม้า ในพื้นที่ จ.ระยอง รวม 3 แห่ง สามารถทำการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหารวม 21 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาตามหมายจับข้างต้น จำนวน 3 ราย และทำการจับกุมเหตุซึ่งหน้า 18 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินต่างๆ
จากการสืบสวนขยายผลจากผู้ต้องหาที่จับกุมได้ ให้การสอดคล้องต้องกันในสาระสำคัญ โดยสรุปได้ว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้รับว่าจ้างจากชายชาวจีน ให้ทำหน้าที่ในการหาจัดหาคนมาเปิดบัญชีธนาคาร ก่อนจะส่งมอบเลขที่บัญชีให้กับกลุ่มผู้ต้องหาชาวจีน อีกทั้งยังมีการถอนเงินสด วันละ 1–2 ล้านบาท จากนั้นนำเงินสดไปส่งมอบให้กลุ่มชาวจีน ตามสถานที่ต่างๆ ที่จะตกลงกัน โดยเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหา ระดับสั่งการ, ฟอกเงิน และรับผลประโยชน์ เพิ่มเติมอีก 12 ราย ประกอบด้วย ผู้ต้องหาชาวจีน 9 ราย ผู้ต้องหาชาวไทย 3 ราย ซึ่งพบว่าในจำนวน 12 รายนั้น เป็นผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ในบ้านคอกม้า 4 ราย ได้แก่ MR. CHUANBO (นายฉวนโป๋) สัญชาติจีน อายุ 26 ปี, MR. MAOYANG (นาย เม่าหยาง) สัญชาติจีน อายุ 36 ปี, MR. FENGLIU (นายเฟิ้งหลิ่ว) สัญชาติจีน อายุ 30 ปี และนายกฤษฎา ฯ อายุ 24 ปี (ผู้ต้องหาลำดับที่ 4-7) เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแก่ผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย
ต่อมาเมื่อวันที่ 15 เม.ย.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมตัว MR. ZHENGDONG (นายเจิ้นตง) สัญชาติจีน อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาระดับสั่งการและฟอกเงิน ได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะที่กำลังจะหลบหนีออกนอกประเทศ
ส่วนในวันที่ 7 พ.ค.2568 เจ้าหน้าที่ กก.2, กก.1 บก.ปอท. กก.4 บก.ปคบ.และ สภ.เมืองพัทยา ได้เปิดปฏิบัติการครั้งที่ 2 ร่วมกันทำการตรวจค้นจับกุม ในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี 7 จุด โดยสามารถทำการจับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับ ระดับสั่งการ, ฟอกเงิน และรับผลประโยชน์ จำนวน 5 ราย ได้แก่ MR. XINYUAN (นายซินหยวน) สัญชาติจีน, MR. JIANBO (นายเจี่ยนโบ๋) สัญชาติจีน, MR. KUN (นายคุน) สัญชาติจีน, MR. SHIWEN (นายซือเหวิน) สัญชาติจีน และ MR. QIAJIANG (นายเซี่ยเจียง) สัญชาติจีน พร้อมตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินต่างๆ อาทิเช่น คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก 2 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ 26 เครื่อง, บัตรอิเล็กทรอนิกส์ 24 ใบ, สมุดบัญชีธนาคาร 9 เล่ม, รถยนต์ 1 คัน เงินสดจำนวนหนึ่ง และทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ อีกจำนวนหลายรายการ นำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังสามารถจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาชาวจีน ในฐานความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ ได้อีก จำนวน 4 ราย (ผู้ต้องหาลำดับที่ 28-31) พร้อมด้วยของกลาง ประกอบด้วย ยาไอซ์ 18.8 กรัม, คีตามีน 3.7 กรัม, ยาบ้า 4 เม็ด นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยใหญ่ รับไว้ดำเนินคดี
รวมปฏิบัติการทั้ง 2 ครั้ง สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 31 ราย โดยเป็นชาวจีน 13 ราย และชาวไทย 18 ราย รวมมูลค่าของกลางและทรัพย์สินประมาณ 6 ล้านบาท อีกทั้งจากการตรวจสอบข้อมูลผ่านระบบแจ้งความออนไลน์ (Thaipoliceonline) พบว่ามีคดีที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ต้องหานี้อีก 291 คดี ซึ่งมีพฤติการณ์การหลอกลวงในหลายรูปแบบ เช่น หลอกให้ทำงานพิเศษ, หลอกกู้เงินออนไลน์, หลอกให้ลงทุนในทองคำ, อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมด มีทั้งที่ให้การปฏิเสธ ให้การภาคเสธ และให้การรับสารภาพ
015
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี