กองทัพเมียนมาเข้าตาจน ไม่สามารถปราบปรามกลุ่มต่อต้านและสูญเสียพื้นที่สำคัญไปเป็นจำนวนมาก ล่าสุด ใช้อากาศยานโจมตีแหล่งเศรษฐกิจของฝ่ายต่อต้านในรัฐคาเรนนี ด้วยการโจมตีโรงผลิตแร่ในเหมืองแร่ หวังทำลายแหล่งเศรษฐกิจของฝ่ายต่อต้าน รวมไปถึงการโจมตีพลเรือนเพื่อลดทอนขวัญและกำลังใจของฝ่ายต่อต้าน

วันที่ 17 พฤษภาคม 2568 แหล่งข่าวผู้นำระดับสูงของกองทัพกะเหรี่ยงคาเรนนี Karenni Army / KA เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลทหารเมียนมา ได้มีการเปลี่ยนแผนการโจมตีทางอากาศต่อภาคพื้น จากเป้าหมายค่ายทหารของกองทัพคาเรนนี ที่กระจายไปในพื้นที่ต่าง ๆ ของรัฐคาเรนนี ซึ่งค่ายทหารเหล่านั้นเป็นค่ายเก่าของทหารเมียนมา ได้เปลี่ยนเป็นโจมตีแหล่งเศรษฐกิจของฝ่ายคาเรนนี คือเหมืองแร่เมืองมอชีว์ ในห้วงเดือนเมษายน ถึง เดือนพฤษภาคม 2568 ได้ถูกกองทัพอากาศเมียนมาส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดแล้ว จำนวน 5 ครั้ง ส่งผลให้โรงแต่งแร่และผลิตแร่ เสียหายจนไม่สามารถใช้การได้ เป็นที่น่าสังเกตว่าการโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ ทางฝ่ายกองทัพคาเรนนี อนุญาตให้มีการเปิดระบบสตาร์ลิ๊งค์ เพื่อติดต่อสื่อสารระหว่างหน่วยทหารและประชาชนรวมไปถึงนักธุรกิจ โดยการโจมตีดังกล่าว ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตน้อยกว่า 9 คน และได้รับบาดเจ็บ มากกว่า 30 คน 

แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า การโจมตีทางอากาศของกองทัพเมียนมา นอกจากในพื้นที่รัฐคาเรนนีแล้ว ในรัฐอื่น ๆ รวมไปถึงในภาคต่าง ๆ ของเมียนมาก็ถูกโจมตีเช่นกันและการโจมตีส่วนใหญ่เป็นการโจมตีพลเรือนและเด็ก ทำให้เกิดความหวาดวิตกแก่พลเรือนในทุกพื้นที่ซึ่งการดำเนินทางยุทธวิธีของกองทัพเมียนมา เพื่อต้องการให้เกิดการแบ่งแยกประชาชนออกจากฝ่ายทหารของกลุ่มต่อต้าน ที่มีส่วนสนับสนุนเกื้อกูลกันในการสู้รบกับทหารเมียนมา

สำหรับสถานการโดยรวมของประเทศเมียนมาในปัจจุบัน พบว่า กองทัพเมียนมา ได้สูญเสียฐานที่มั่นในพื้นที่ต่าง ๆ บริเวณแนวชายแดนให้แก่ฝ่ายต่อต้าน แทบจะตลอดแนว และพื้นที่ชั้นในใกล้กับเมืองย่างกุ้งและเมืองเนปีย์ดอว์ ยังถูกคุกคามจากฝ่ายต่อต้านที่จับมืออย่างขันแข็งในการโค่นล้มรัฐบาลทหารเมียนมา ซึ่งล่าสุดเหลือเพียงกองทัพอากาศที่เป็นกำลังสำคัญของทหารเมียนมา
ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 – 16 พฤษภาคม 2568 พลเอกมิน อ่องหล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาได้เรียกแม่ทัพนายกองจากทุกภาคไปประชุมที่เมืองเนปีย์ดอว์ หลังจากที่ได้เดินทางไปเยือนประเทศรัสเซีย โดยคาดว่าจะมีการคุยกันเรื่องเกี่ยวกับการพยายามยึดคืนพื้นที่ และปัญหาในการสู้รบของแต่ละพื้นที่ ที่ถูกฝ่ายต่อต้านยึดไปเป็นจำนวนมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์