ผอ.ศูนย์ศึกษากะเหรี่ยงและพัฒนา ค้านปลุกผีทำเหมืองแร่ปรองดี้กลางป่าเขตรักษาพันธุ์สัตวป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี
วันนี้ 17 พ.ค.68 นายสุรพงษ์ กองจันทึก ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษากะเหรี่ยงและพัฒนา ออกมากล่าวคัดค้านคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ที่จะนำแร่ตะกั่วของกลางจากกลางป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรีออกมา เนื่องจากพบว่า แร่ของกลางหมดไปนานแล้ว ไม่มีอันตรายตามกล่าวอ้าง ไม่มีการนำไปประเทศเพื่อนบ้าน แนะให้มาสนใจการพื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากกิจกรรมเหมืองแร่ ซึ่งมีผลกระทบชัดเจนลงมาถึงอ่าวไทย และให้กลุ่มทำเหมืองแร่ผู้ก่อมลพิษมารับผิดชอบฟื้นฟู
นายสุรพงษ์ กองจันทึก ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษากะเหรี่ยงและพัฒนา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นายชีวะภาพ ชีวะธรรม สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ได้เปิดเผยในการประชุมคณะกรรมาธิการฯ ในการหาแนวทางจัดการแร่ตะกั่วกลางป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี จากเหมืองปรองดี้ ซึ่งอ้างว่ามีเหลืออยู่ 3,510 ตัน หากปล่อยไว้จะมีการขนไปประเทศเพื่อนบ้านและมีอันตรายจากการรั่วไหล
เหมืองแร่บริเวณโดยรอบเขตฯทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตกเหมือนผีที่ลงโลงไปแล้ว จากกรณีพบการปล่อยของเสียจากการแต่งแร่ลงสู่ธรรมชาติกรณีเหมืองแร่เถื่อนปรองดี้ เหมืองคลิตี้และเหมืองเค็มโก้ โดยมีมติคณะรัฐมนตรี 4 กระทรวงในปี 2545 ที่ให้หยุดกิจกรรมเหมืองแร่ทั้งหมดโดยรอบเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งมีการดำเนินการโดยผู้ประกอบการกลุ่มเดียวกัน
นอกจากนี้ยังพบผู้ประกอบการที่ปล่อยของเสียลงสู่ลำห้วยธรรมชาติ จนทำให้ชาวบ้านคลิตี้ ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิเจ็บป่วยล้มตายและลำน้ำเสียหาย จนมีการฟ้องสู่ศาลยุติธรรมและศาลปกครอง ซึ่งศาลก็สั่งให้ผู้ประกอบการที่ก่อมลพิษชดใช้ค่าเสียหายแก่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ และให้ฟื้นฟูสภาพแวดล้อมคือลำห้วยคลิตี้ให้ดีดังเดิม แต่ผู้ประกอบการที่แพ้คดีก็ยังไม่มีการฟื้นฟูลำห้วยตามคำพิพากษาแต่อย่างใด
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ในส่วนแร่จากเหมืองแร่เถื่อนปรองดี้ ซึ่งลักลอบทำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร แทนที่จะมีการจับกุมดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำความผิด กลับนำมาประมูลให้ได้แร่ไปอย่างถูกกฎหมาย และได้มีการให้ขนแร่ออกไปทำการแต่งแร่จนหมดแล้ว และมีการสรุปปิดประตูเหมืองแร่โดยรอบเขตทุ่งใหญ่นเรศวรแล้ว ในปี 2545
นอกจากนี้ไม่มีข้อเท็จจริงเลยว่า จะมีการนำแร่ถ้ามีการเหลือไปประเทศเพื่อนบ้านเพราะ เหมืองแร่เถื่อนปรองดี้ทำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรที่มีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างเข้มข้น อีกทั้งไม่มีข้อมูลการรั่วไหลหรืออันตรายแต่อย่างใดเลย เป็นการกล่าวอ้างอย่างลอยๆไม่มีข้อเท็จจริง เพื่อจะทำแร่ตะกั่วอีก
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ในขณะที่การรั่วไหลและผลกระทบตลอดจนคำสั่งศาลฎีกาและศาลปกครองสูงสุด ในกรณีลำห้วยคลิตี้ เป็นเรื่องที่คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ควรให้ความสำคัญเข้ามาตรวจสอบและกำกับดูแล เพราะปัจจุบันน้ำให้ลำห้วยคลิตี้ยังคงเต็มไปด้วยมลพิษ และมลพิษเหล่านี้ไหลลงแม่น้ำแม่กลองตลอดเวลา มีการผันน้ำจากแม่น้ำแม่กลองลงคลองมหาสวัสดิ์ เพื่อมาใช้เป็นน้ำประปาสำหรับคนกรุงเทพมหานครฝั่งธนบุรี และคนจังหวัดใกล้เคียงใช้ และน้ำที่เหลือก็ลงสู่อ่าวไทยซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของประเทศ
คณะกรรมาธิการฯควรติดตามการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ของกรมควบคุมมลพิษ ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดที่ให้กรมควบคุมลพิษฟื้นฟูให้ปราศจากมลพิษดังเดิม แต่จนปัจจุบันน้ำในลำห้วยคลิตี้ยังเต็มไปด้วยมลพิษ และมีท่าทีว่ากรมควบคุมมลพิษจะหยุดการดำเนินการฟื้นฟู ตลอดจนติดตามผู้ประกอบการที่ปล่อยมลพิษก่อให้ความเสียหายต่อประชาชนและลำน้ำธรรมชาติ มาฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งผู้ก่อมลพิษยังไม่แสดงความรับผิดชอบมาเริ่มดำเนินการเลย แต่ขณะเดียวกันกลับมีการมาขอขนแร่เพื่อไปดำเนินการอีก
โดยในช่วงระหว่าง ปี พ.ศ. 2541-2545 ได้มีมติหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ซึ่งตกลงร่วมกับ กรมทรัพยากรธรณี, กรมป่าไม้, กรมควบคุมมลพิษ และสำนักนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม, คณะสมาชิกวุฒิสภา มีหนังสือถึงรัฐมนตรีว่า กระทรวงอุตสาหกรรม, คณะกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร เดินทางไปศึกษาสภาพปัญหาและตรวจสอบข้อเท็จจริง
ต่อมาสรุปเป็นรายงานเสนอนายกรัฐมนตรี, คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยนายเสน่ห์ จามริก ประธานมีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง, สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยนายอานันท์ ปันยารชุน ประธาน มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และรัฐมนตรี 4 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีมติให้ยุติการทำกิจกรรมเหมืองแร่ โดยรอบเขตรักษาพันธุสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ทั้งเหมืองแร่และโรงแต่งแร่อย่างเด็ดขาด และเร่งฟื้นฟูสภาพแวดล้อม ให้รื้อถอนเครื่องจักร อุปกรณ์ บ้านพักคนงาน ออกนอกพื้นที่โดยเร็วที่สุด ตลอดจนดูแลสุขภาพของประชาชนโดยรอบ
ประวัติการทำเหมืองแร่คือเดิมมีเหมืองแร่พุจืออยู่ในป่าลึกสุดของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร มีพื้นที่ติดกับพม่า ต่อมาเมื่อเปิดมานานและแร่มีน้อยลงก็เกิดมีเหมืองแร่ตะกั่วในเขตพม่า คือเหมือง 4 เหมือง 5 และเหมือง 6 ในการดูแลของกองกำลังกะเหรี่ยง KNU ซึ่งมีถนนจากเหมืองแร่ตรงเข้าสู่เหมืองแร่พุจือ
ต่อมาในปี 2535 ทหารพม่าสามารถตีพื้นที่เหมืองทั้งสามได้ ทำให้ไม่มีแร่เข้ามาประเทศไทยอีก จนเกิดมีเหมืองแร่เถื่อนปรองดี้ขึ้น ในใจกลางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฯ ในปี 2538 เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจและกำลังทหารจากพล.ร. 9 ได้เข้าทลายเหมืองแร่ปรองดี้ รวมทั้งทลายเหมืองแร่พุจือที่ทำแร่โดยผิดกฎหมายด้วย
แร่ตะกั่วของกลางจากเหมืองแร่ปรองดี้ที่ยึดได้ กรมทรัพยากรธรณีได้เปิดประมูลขาย ซึ่งผู้มาประมูลก็มีอยู่เจ้าเดียว คือ กลุ่มเดียวที่ทำเหมืองแร่บริเวณนี้ทั้งพุจือ คลิตี้ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำเหมืองแร่ปรองดี้ด้วย และได้แร่ตะกั่ว 5,275 ตันไปในราคาเพียงกิโลกรัมละ 24 สตางค์ ซึ่งเป็นการทำให้แร่เถื่อนผิดกฎหมายกลายเป็นแร่ที่ถูกกฎหมายในราคาที่ถูกที่สุด โดยไม่มีการลงโทษหรือพบผู้กระทำผิดในการทำเหมืองแร่ปรองดี้เถื่อนเลย
ตลอดปี 2541 มีรถบรรทุกวันละกว่า 25 คันวิ่งขนแร่จากการประมูล 5,275 ตัน ผ่านกลางป่าทุ่งใหญ่นเรศวรทั้งวันทั้งคืน ซึ่งแร่กลุ่มนี้ควรหมดภายในเวลาไม่ถึงเดือน กลับเป็นขนกันตลอดปีกองแร่ของกลางก็ไม่หมด จนมีข่าวและภาพในสื่อมวลชนระบุรถบรรทุกแร่ย่างเก้งกินริมลำห้วยดงวี่กลางป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จึงสิ้นสุดการขนแร่ ///-026
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี