ฝากขังผู้ต้องหายักยอกเงินวัดไร่ขิง
‘ทิดแย้ม-สีกา’นอนคก
รู้ชะตากรรมไม่ยื่นประกันตัว
ก้มหน้าเมินตอบคำถามสื่อ
สมุนมือโอนเงินนอนคุกด้วย
ครวญ‘ต้องตัวใครตัวมันแล้ว’
จนท.ราชทัณฑ์นำตัว “ทิดแย้ม” และโบรกเกอร์สีกาสาวคนสนิท เข้าเรือนจำ หลังตำรวจหิ้วตัวฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง กรณียักยอกเงินวัดไร่ขิงเฉียดพันล้านแต่ไม่ได้รับการประกันตัว ส่วนเอกพจน์ อดีตพระลูกวัดคนสนิท ตร.สอท. หิ้วฝากขังศาลอาญา ก่อนถูกส่งตัวนอนเรือนจำที่เดียวกัน ลูกสมุนมือโอนเงินครวญงานนี้ต้องตัวใครตัวมันแล้ว
เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. วันที่ 17 พฤษภาคม 2568 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.เลียบทางรถไฟ ย่านตลิ่งชัน พนักงานสอบสวน กก. 5 บก.ปปป. ได้ยื่นคำร้อง ฝากขังครั้งแรก อดีตพระธรรมวชิรานุวัตร หรือ นายแย้ม อินทร์กรุงเก่า อายุ 70 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม เจ้าคณะภาค 14 และ น.ส.อรัญญาวรรณ วังทะพันธ์ อายุ 28 ปี โบรกเกอร์สาวคนสนิท ฐาน เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของบุคคลอื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่น เอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหน้าที่หรือใช้ อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการ ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานในการกระทำความผิด กรณีที่ผู้ต้องหาทั้งสอง ได้ร่วมกันยักยอกเงินของวัดไร่ขิงจำนวนหลายร้อยล้านบาทเป็นของตัวเองโดยทุจริต เพื่อใช้เล่นการพนัน ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธ
คดีนี้พนักงานสอบสวน ต้องสอบพยานบุคคลเพิ่มเติม รอผลการตรวจสอบประวัติอาชญากรผู้ต้องหา และอื่นๆ จึงขอฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองไว้มีกำหนด 12 วันตั้งแต่วันที่ 17 -28 พฤษภาคมนี้
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวน ขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง ความเสียหายจำนวนมาก หากปล่อยชั่วคราว เกรงว่า ผู้ต้องหาจะยุ่งเหยิงพยานหักฐานและหลบหนีได้
ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองได้ ต่อมาทนายความของน.ส.อรัญาวรรณ ผู้ต้องหาที่ 2 ยื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฝากขัง
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง และพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากพยานหลักฐานเป็นอิเล็กทรอนิกส์ หากได้ประกันตัวอาจไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อีกทั้งผู้ต้องหาที่ 2 ยังอยู่ระหว่างฝากขังในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ฝ.2739/2568 ของศาลอาญาด้วย ซึ่งข้อหาดังกล่าวก็มีอัตราโทษสูงเช่นกัน หากคดีนี้ได้ประกันตัวเชื่อว่าผู้ต้องหาที่ 2 จะหลบหนี จึงไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ยกคำร้อง
ส่วนนายแย้ม ผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวแต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปคุมขังไว้ที่ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลางบางเขนต่อไป
ก่อนนำตัวไปฝากขังผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่หน้าอาคารรับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มีบรรดาสื่อมวลชนจำนวนมากจากหลายสำนัก มาปักหลักตั้งกล้องรอบันทึกภาพรายงานข่าวครั้งนี้ โดยเจ้าหน้าที่ได้นำแผงเหล็กมากั้นเป็นแนวทางเดินจากในอาคาร มาจนถึงรถตู้ และรถวิทยุสายตรวจกองปราบ เพื่อนำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถ
กระทั่งเมื่อถึงเวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบและบก.ปปป. นำตัวทั้งคู่เดินออกมา เริ่มจาก น.ส.อรัญญาวรรณ อยู่ในชุดสวมหมวกใส่แว่นตา คาดแมสก์ เสื้อคลุมสีชมพูคลุมบ่า กางเกงขายาวสีน้ำตาล เดินออกมา มีตำรวจ 2 นายประกบข้าง ระหว่างทางไม่ยอมพูดตอบคำถามผู้สื่อข่าวแต่อย่างไร
ส่วนนายแย้ม สวมใส่ชุดขาว คาดแมสก์ดำ มีตำรวจ 2 นายคุมตัวมาด้วยข้างกัน ระหว่างเดินขึ้นรถได้พนมมือ โดยไม่ยอมตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่ามีอะไรอยากชี้แจงหรืออยากพูดหรือไม่ สมีแย้มทำมือลักษณะห้าม แต่ไม่ได้พูดอะไร ก่อนเดินขึ้นรถตู้คันเดียวกันกับ น.ส.อรัญญาวรรณทันที จากนั้นรถสายตรวจกองปราบได้ขับนำหน้ารถตู้ออกไปทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันเดียวกันนี้ พนักงานสอบสวน บก.สอท.3 พร้อมกำลังชุดสืบสวน ได้นำตัว นายเอกพจน์ ภูฆัง อายุ 25 ปี หรือ อดีตพระมหาเอกพจน์ ภูฆัง อดีตพระลูกวัดคนสนิทของนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่จ.604/2568 ลงวันที่ 29 มกราคม 68 ความผิดตาม”พ.ร.บ.การพนันร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฟอกเงินและได้มีการ
กระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน” มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน จนถึงวันที่ 28 พฤษภาคม พร้อมทั้งคัดค้านการประกันตัว
ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะนำตัวนายเอกพจน์ไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ นายเอกพจน์ระหว่างที่ถูกคุมตัวขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหานั้น ได้กล่าวว่า รู้จักกับทิดแย้มช่วงที่เข้าไปบวชอยู่ที่วัดไร่ขิงปี 2561 ไม่รู้ว่าเงินที่โอนเป็นเงินอะไร เป็นเพียงคนสนิทใช้เราให้กดเงินโอนเงินก็ต้องไปเพราะเป็นพระผู้น้อย ยอมรับโอนให้หลายครั้งแต่ละครั้งก็หลักล้าน โดยโอนให้ น.ส.อรัญญาวรรณ เป็นการทำโดยไม่ได้รับค่าจ้าง
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า “ตอนนี้ยังนับถือทิดแย้มหรือไม่” นายเอกพจน์ตอบว่า “ตอนนี้ก็ต้องตัวใครตัวมันแล้ว”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี