"เหลิม คลองไผ่" ไม่เข็ดคุก! พ้นโทษ 2 ปี ซิ่งกระบะขนยาบ้า 3.1 ล้านเม็ด โดนรวบคาด่าน คำสารภาพสุดอึ้งไม่สะทกสะท้าน "ในคุก เหมือนได้พักผ่อน"
เมื่อวันที่ 22 พ.ค.68 ที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 (ร้อย ตชด.237) ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทนจ.นครพนม พล.ต.ต.กิตติศักดิ์ ปลาทอง ผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 (ผบก.ตชด.2) พ.อ.ศิวดล ยาคล้าย ผบ.บก.ควบคุมที่ 1 พ.ต.อ.สำเนาว์ กรุยกระโทก รอง ผบก.ภ.จว.นครพนม พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 พ.ต.อ.หญิง จิรนันท์ ธนะสิงห์ ผกก.พิสูจน์หลักฐานนครพนม พร้อมด้วย พ.ต.ท.เรวัฒ จำปาน ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 (ผบ.ร้อย ตชด.237) และหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหา 1 คน ของกลางยาบ้า 3,182,000 เม็ด และรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ รุ่นไททัน สีขาว ทะเบียน 3 ฆห 9613 กรุงเทพมหานคร ในพื้นที่ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. วันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 ได้สืบสวนทราบว่า จะมีกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าพื้นที่ตอนใน คาดว่าคงใช้ถนนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 2030 สายบ้านท่าดอกแก้ว - ศรีสงคราม โดยใช้รถยนต์กระบะเป็นพาหนะ จึงได้วางแผนจับกุม กระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. พบรถยนต์ต้องสงสัยขับมาบนถนนสายดังกล่าว มุ่งหน้าไปยังเขตอำเภอท่าอุเทน เจ้าหน้าที่จึงได้สะกดรอยตามจนสบโอกาส จึงขับรถประกบขึ้นเบียด จนคนขับกระบะต้องเบนรถลงไหล่ทาง พบนายเฉลิม มีชื่อเล่นว่าเหลิม (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ชาว ต.โพนจาน อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ขับรถมาเพียงผู้เดียว
ขณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในรถ นายเหลิมได้หยิบโทรศัพท์ที่เบาะด้านซ้ายโยนลงพื้น แล้วใช้เท้ากระทืบจนพังเสียหาย คาดว่าในเครื่องน่าจะมีข้อมูลสำคัญ จึงยึดไว้ตรวจสอบเพื่อกู้ข้อมูล ส่วนบริเวณแคปด้านหลังคนขับ พบกระสอบสีดำภายในบรรจุยาบ้าจำนวนหนึ่ง จึงควบคุมตัวและนำของกลางไปตรวจนับอย่างละเอียดที่กองร้อย ตชด.237 พบยาบ้าตรา Y1 จำนวน 1,591 มัด ประมาณ 3,182,000 เม็ด
เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้นว่า "จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน)โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนโดยฝ่า ฝืนต่อกฎหมาย" พร้อมนำตัวไปตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติด เนื่องจากนายเหลิมรับว่าได้เสพยาบ้ามาก่อนลงมือทำงาน
ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสสอบถามนายเหลิม ผู้ต้องหา ได้เปิดเผยอย่างไม่สะทกสะท้าน ว่าปี 2549 เคยถูกจับในพื้นที่ สน.ลาดพร้าว พร้อมของกลางเฮโรอีน จำนวน 11 กิโลกรัม ศาลพิพากษาประหารชีวิต แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์จึงลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต จากนั้นก็ถูกนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำคลองไผ่ จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นเรือนจำที่มีระบบรักษาความปลอดภัยสูงสุดในประเทศไทยและเป็นสถานที่คุมขังนักโทษ ที่มีพฤติกรรมอันตราย และก่อให้เกิดปัญหาต่อสังคม
นายเหลิม เล่าต่อว่าในเรือนจำคลองไผ่ ก็ได้รู้จักกับท้าวเอ๋ สัญชาติลาว ที่ต้องโทษในคดียาเสพติดเช่นเดียวกัน จนกระทั่งตนได้รับอภัยโทษเมื่อปี 2565 รวมต้องโทษจำคุก 17 ปี แล้วก็ไปทำงานที่บริษัทเกี่ยวกับปิโตรเคมีแห่งหนึ่ง แต่ทำงานได้เพียงปีเศษก็ถูกคัดออก จึงกลับมาอยู่บ้านที่ ต.โพนจาน และเตรียมจะหางานใหม่ทำ เพราะมีค่างวดรถเดือนละ 10,600 บาท จังหวะเดียวกับที่ท้าวเอ๋พ้นโทษกลับประเทศ จึงได้มีการติดต่อกันเรื่อยมา
วันที่ 19 พ.ค.68 ท้าวเอ๋ได้เป็นนายหน้ารับงานจากนายทุน ติดต่อให้ตนไปขนยาบ้าเข้ากรุงเทพฯ โดยมีค่าจ้างจำนวน 5 แสนบาท จ่ายเป็นค่าน้ำมันก่อน 2 หมื่นบาท โดยโอนเงินเข้าระบบแอพฯ ตนได้ไปเบิกออกมาเมื่อวันที่ 20 พ.ค. พร้อมเตรียมรับคำสั่งจากท้าวเอ๋ ให้ไปรับยาบ้าที่ไหน โดยท้าวเอ๋ให้ขับรถไปในพื้นที่ ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เข้าไปในถนนเข้าหมู่บ้านดอนดู่ ต.ท่าจำปา จะมีคนรออยู่ตรงปากทาง 2 คน จากนั้นชายทั้งสองคาดเป็นวัยรุ่น สั่งให้ลงจากรถแล้วรออยู่ที่นี่ ก่อนจะขับรถเข้าไปในหมู่บ้านประมาณ 1 ชั่วโมงเศษก็กลับออกมา ตนจึงได้เข้าไปขับเพื่อกลับไปจอดนอนอยู่ที่บ้าน ต.โพนจาน ก่อนเดินทางตามใบสั่งงานของนายทุน แต่พอขับมาได้เพียงกิโลเมตรเศษ ก็ถูกรถเจ้าหน้าที่ประกบเบียดจนตกไหล่ทาง
เมื่อสอบถามว่าทำไมต้องกระทืบโทรศัพท์ทิ้งด้วย นายเหลิมอ้างโมโหท้าวเอ๋ ทั้งยังให้ปากคำวกไปวนมา ลอยหน้าลอยตาพูดว่าเข้าไปอยู่ในคุกเหมือนได้พักผ่อน ออกมาข้างนอกมีแต่เรื่องวุ่นวาย พร้อมบอกนักข่าวไม่ต้องเบลอหน้าให้เผยแพร่ได้เลย จากนั้นได้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.กิตติศักดิ์ ปลาทอง ผบก.ตชด.2 เปิดเผยว่าการปฏิบัติหน้าที่ เป็นไปตามนโยบายการป้องกัน สกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน Seal Stop Safe ของรัฐบาล และนโยบายเน้นหนักด้านปราบปรามยาเสพติดของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย ผบช.ตชด. พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต.ท.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ศักดิ์ชาย สาดมะเริง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ได้เปิดยุทธการพิทักษ์ริมน้ำโขง ซึ่งมีกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่21 - 24 เป็นหน่วยปฏิบัติ เพื่อปราบปรามสกัดกั้นยาเสพติดที่จะเข้ามาทางชายแดนริมฝั่งแม่น้ำโขง
ส่วน พ.อ.ศิวดล ยาคล้าย ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี และ ผอ.ส่วนอำนวยการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 24 (นบ.ยส.24) เปิดเผยว่าในระยะเวลา 7 เดือน เฉพาะในพื้นที่ จ.นครพนม ได้ตรวจยึดยาบ้าแล้ว 28 ล้านเม็ด ไอซ์อีกประมาณ 1 พันกิโลกรัม ถ้ารวมทั้ง 7 จังหวัดที่ นบ.ยส.24 ดูแลรับผิดชอบ ตรวจยึดยาบ้าตามแนวชายแดนได้ 116 ล้านเม็ด ไอซ์ 5 พันกิโลกรัม สถิติสูงขึ้นอย่างมหาศาล
“ทั้งหมดทั้งมวลเกิดการบูรณาการร่วม วันนี้ (22 พ.ค.) มียาเสพติดเข้ามาถึง 3 จุด จุดแรกที่ จ.สกลนคร ประมาณ 7 แสนเม็ด จุดที่ 2 ทหารพรานที่ 2108 อ.บ้านแพง จ.นครพนม ยึดได้ 4 แสนเม็ด และ ตชด.237 จับได้ 3 ล้านเม็ด ซึ่งเป็นวันเดียว 3 จุดพร้อมกัน แต่ที่น่าสังเกตยุทธวิธีของเขา ปัจจุบันเขาจะใช้เยาวชน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดตามแนวชายแดน ขนยามากองไว้แล้วโทรตามนักบินมารับ เพื่อลดการสูญเสีย สุดท้ายสิ่งที่เราทำความสำเร็จอยู่ที่ชุมชน เราต้องได้ความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนร่วมเป็นหูเป็นตา และที่สำคัญคนดีต้องมากกว่าคนไม่ดีฯ”
หลังจากนั้น ได้มีการตรวจรถยนต์กระบะของผู้ต้องหา พบที่หน้ารถมีห่อใส่วัตถุมงคลจำนวนมาก มีทั้งพระเครื่อง ปลัดขิก ตะกรุด ฯลฯ โดยจะติดต่อญาติผู้ต้องหามารับกลับไป ซึ่งนายเหลิมเคยถูกศาลพิพากษาประหารชีวิตมาแล้ว แต่ไม่มีสำนึก ถ้าหากครั้งนี้ศาลตัดสินเหมือนครั้งก่อน คาดว่านายเหลิมจะถูกประหารชีวิตจริงๆ โดยไม่มีการลดโทษแต่อย่างใด
009
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี