ทหารเกณฑ์คลั่งยานรก! ลากลับบ้านคว้ามีดพร้าฟันหัวหลานชายวัย 24 ปีปางตาย ขณะนอนหลับอยู่ในห้องนอน ปมไม่พอใจถูกผู้เป็นแม่สั่งให้กลับไปประจำการ หลังล่วงเลยวันลามาแล้วกว่า 4 วัน โดยเจ้าตัวไม่ยอมกลับบ่นไม่อยากเหนื่อย หลังก่อเหตุใช้มีดจี้คอ เจ้าหน้าที่ปิดล้อมนานกว่า 6 ชั่วโมงไม่เป็นผล หน่วยสวาทพร้อมอาวุธครบมือเตรียมเข้าชาร์จตัว จนยอมทิ้งอาวุธให้ถูกจับกุม
25 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยว่า เวลาประมาณ 09.00 น. วันที่ 24 พฤษภาคม ร.ต.อ.วสันต์ รักแก้ว รอง สว. (สอบสวน) สภ.ปะเหลียน จ.ตรัง ได้รับแจ้งเหตุมีชายถูกฟันด้วยอาวุธมีดได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดภายในบ้านเลขที่ 1/7 หมู่ 5 ต.บ้านนา อ.ปะเหลียน จ.ตรัง หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ พ.ต.อ.ธนวัฒน์ ภู่จินดา ผกก.ฯ ผู้บังคับบัญชารับทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.ท.โชคดี ยูเด็น สวป. พ.ต.ท.สุชาติ ทองนวน สว.สส. นายพัชรเดช เย็นทั่ว หรือใหญ่ขวด ผญบ.หมู่ 5 กำลังชุดตำรวจชุดสืบสวน สายตำตรวจ ต.บ้านนา และฝ่ายปกครอง
ถึงที่เกิดเหตุ ภายในบ้านพบรอยเลือดจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่บนพื้นกระเบื้อง ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อคือ นายอรรถพล วิจิตร หรือกีต้าร์ อายุ 24 ปี อาชีพกรีดยางพารา ซึ่งอาศัยอยู่บ้านหลังดังกล่าว ได้ถูกพลเมืองดีนำส่ง รพ.หาดสำราญเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา และต่อมาได้ถูกนำตัวส่งต่อไปยัง รพ.ศูนย์ตรัง เพื่อช่วยเหลือยื้อชีวิตเป็นการเร่งด่วน ไปก่อนหน้านี้แล้ว เบื้องต้นถูกฟันด้วยมีดพร้าเข้าที่กลางศีรษะได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะนี้อาการยังอยู่ในขั้นวิกฤต ยังไม่พ้นขีดอันตราย
ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อคือ นายธนาภัทร วิจิตร หรือเบส อายุ 23 ปี มีศักดิ์เป็นน้าของผู้บาดเจ็บ และเป็นทหารเกณฑ์ สังกัดค่ายกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 5 (ค่ายมหาจักรีสิรินธร) ต.ท่าประดู่ อ.นาทวี จ.สงขลา ซึ่งอาศัยอยู่ภายในบ้านที่เกิดเหตุหลังเดียวกัน ภายหลังก่อเหตุได้นำมีดพร้า ซึ่งเป็นอาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุไปทิ้งในพงหญ้าข้างถนน เพื่อทำลายหลักฐาน แต่ในเบื้องต้นยังไม่พบเจอ ก่อนจะขับรถ จยย. หลบหนีออกไป ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงได้สืบทราบว่าผู้ก่อเหตุ ได้ขับรถออกไปบอกญาติในพื้นที่ หมู่ 2 บ้านนาโต๊ะเสี๊ยะ ต.บ้านนา อ.ปะเหลียน ว่าได้ก่อเหตุฟันนายอรรถพล ซึ่งเป็นหลานแล้ว ก่อนจะขับรถไปจอดร้องไห้ อยู่ที่หน้าที่พักตำรวจสายตรวจ ต.บ้านนา และก่อนจะขับรถวกกลับไปยังขนำหลังหนึ่งภายในสวนยางพารา ซึ่งอยู่ในพื้นที่หมู่ 10 ต.บ้านนา อ.ปะเหลียน
ต่อมากำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าไปปิดล้อมพื้นที่ พบผู้ก่อเหตุสวมเสื้อกีฬาสีขาวเปื้อนเลือด และนุ่งกางเกงกีฬาสีดำ นั่งอยู่หน้าขนำ โดยได้ใช้มีดสปาต้า ขนาดความยาวประมาณ 10 นิ้วจี้คอตัวเองอยู่ อีกทั้งยังนั่งพูดเพ้ออยู่คนเดียว พร้อมกับสูบบุหรี่ในบางช่วง เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ใหญ่บ้าน จึงได้พยายามพูดเกลี่ยกล่อมให้ยอมออกมามอบตัว แต่ไม่เป็นผล ก่อนจะประสานขอกำลังตำรวจชุดปฎิบัติการพิเศษศรีตรัง (หน่วยสวาทศรีตรัง) พร้อมอาวุธครบมือเข้ามาร่วมในการจับกุมตัว ซึ่งจากการกดดันและเกลี่ยกล่อมเพื่อให้มอบตัวไม่เป็นผล
จนถึงเวลาประมาณ 16.30 น. ผู้ก่อเหตุได้เดินออกมาและขึ้นไปใช้อาวุธมีดจี้คอตัวเองยืนอยู่บนท้ายรถยนต์กระบะของผู้ใหญ่บ้าน โดยมีพ่อแม่ของผู้ก่อเหตุยืนอยู่ในที่เกิดเหตุ ทันไดนั้น ตำรวจชุดปฎิบัติการพิเศษศรีตรัง (หน่วยสวาทศรีตรัง) พร้อมอาวุธครบมือ ได้เปิดปฎิบัติการเพื่อเข้าจู่โจมจับกุมตัว ทำให้ผู้ก่อเหตุตกใจ จึงยอมส่งอาวุธมีดสปาต้าให้กับผู้ใหญ่บ้าน และถูกรวบตัวได้ในที่สุดโดยใช้ระยะเวลานานกว่า 6-7 ชั่วโมง ก่อนนำตัวไปสอบปากคำอย่างละเอียดที่ สภ.ปะเหลียน
เบื้องต้นได้นำตัวไปทำการตรวจปัสสาวะ พบเป็นฉี่ม่วง มีการเสพยาเสพติด จึงได้ทำการสอบปากคำ ในช่วงแรกผู้ก่อเหตุยังให้การวกวน เนื่องจากฤทธิ์ของยาเสพติด ต่อมาจึงได้รับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุ โดยแนวทางการสอบสวนทราบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นทหารเกณฑ์ สังกัดค่ายกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 5 (ค่ายมหาจักรีสิรินธร) ต.ท่าประดู่ อ.นาทวี จ.สงขลา โดยอยู่ในช่วงขอลากลับมาบ้าน และล่วงเลยครบกำหนดวันลามาแล้ว 4 วัน และใกล้จะปลดประจำการแล้วในวันที่ 31 ต.ค.ที่จะถึงนี้ โดยเจ้าตัวตั้งใจว่าหลังจากปลดประจำการ จะไปเป็นทหารพรานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งก่อนเกิดเหตุนางน้อย (สงวนสกุล) ผู้เป็นแม่ได้มาพูดให้ผู้ก่อเหตุ กลับไปค่ายทหารได้แล้ว เนื่องจากล่วงเลยเวลามาแล้ว
ทำให้ผู้ก่อเหตุเกิดความไม่พอใจ และบ่นน้อยใจหากกลับไปค่ายทหารต้องทำงานเหนื่อย จึงไม่อยากกลับ และมีอาการคลุ้มคลั่งอาละวาดอย่างหนักจากพิษของยาบ้าที่เสพเข้าไป จึงได้ไปหยิบมีดพร้าด้ามสั้นเข้าไปฟันศีรษะของผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งเป็นหลานอย่างเต็มแรง ที่กำลังนอนหลับอยู่ภายในห้องนอน เนื่องจากเหนื่อยล้า หลังเพิ่งกลับมาจากการกรีดยางพารา ทันไดนั้นผู้ก่อเหตุได้ไปหยิบมีดสปาต้าเพื่อจะนำมาเชือดคอหลานที่กำลังนอนบาดเจ็บจากการถูกฟันแล้วซ้ำอีกครั้ง โดยได้ทำการจับหัวแล้ว แต่ทันไดนั้นได้ถูกผู้เป็นแม่ห้ามไว้ได้ทัน ก่อนจะวิ่งออกจากบ้าน และขับรถหลบหนีออกไปพร้อมอาวุธมีด และถูกจับกุมได้ในที่สุด
จากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ก่อเหตุติดยาเสพติดโดยการเสพยาบ้า ก่อนหน้าจะไปประจำการเป็นทหารเกณฑ์ เคยถูกนำตัวไปบำบัดยาเสพติดเป็นระยะเวลา 15 วันมาก่อนแล้ว ก่อนจะมาก่อเหตุดังกล่าวนี้ขึ้น เบื้องต้นทาง พนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อกล่าวหา พยายามฆ่าผู้อื่น , เสพยาเสพติดให้โทษ (เมทแอมเฟตามีน) , พกพาอาวุธมีด ไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร ก่อนจะนำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี