ราคากะหล่ำปลีตกต่ำเหลือกิโลกรัมละ 3-4 บาท เกษตรกรหล่มสักจำใจขายขาดทุน หวังแค่คืนทุนบางส่วน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้ลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์ราคาผัก ที่ตลาดผักเสียงอดิศร หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ‘ตลาดช้างแดง’ บริเวณสี่แยกพ่อขุนผาเมือง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งถือเป็นตลาดค้าส่งผักที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือตอนล่าง โดยบรรยากาศภายในตลาดช่วงเช้าพบว่ามีผู้ค้าและผู้มาซื้อผักค่อนข้างบางตา โดยเฉพาะแผงค้ากะหล่ำปลีที่เงียบเหงาอย่างเห็นได้ชัด

นายพงษ์ ผู้ปลูกกะหล่ำปลีในพื้นที่ อ.หล่มสัก เปิดเผยว่า ช่วงนี้ราคากะหล่ำปลีตกต่ำอย่างหนัก เหลือเพียงกิโลกรัมละ 3-4 บาท ซึ่งต่ำกว่าต้นทุนการผลิตที่ต้องใช้แรงงาน ปุ๋ย และค่ายา ทำให้ไม่สามารถทำกำไรได้

‘แม้จะรู้ว่าขายก็ขาดทุน แต่ก็จำเป็นต้องเก็บออกมาขาย เพื่อให้ได้เงินคืนมาบ้าง อย่างน้อยก็พอได้ทุนคืนบางส่วน ไม่อย่างนั้นก็เน่าทิ้งหมด’ นายพงษ์ กล่าว

นายพงษ์ เล่าอีกว่า การปลูกกะหล่ำปลีในพื้นที่หล่มสักใช้เวลาประมาณ 70-90 วัน ตั้งแต่เริ่มเพาะกล้า ปลูกลงแปลง จนถึงระยะเก็บเกี่ยว ซึ่งต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งการให้น้ำ กำจัดแมลง และใส่ปุ๋ยตามระยะ หากละเลยอาจทำให้ผลผลิตเสียหายหรือไม่สามารถขายได้

‘ต้นทุนการปลูกกะหล่ำปลีเฉลี่ยอยู่ที่ 5,000-7,000 บาทต่อไร่ โดยแบ่งเป็นค่าพันธุ์ผัก ค่าปุ๋ยและสารเคมี ค่าจ้างแรงงาน และค่าขนส่ง หากราคาตลาดต่ำกว่ากิโลกรัมละ 5 บาท ก็แทบจะไม่เหลือกำไร’ นายพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย

จากสถานการณ์ดังกล่าว เกษตรกรหลายรายเริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มราคาผักในช่วงต่อไป และหวังว่าภาครัฐจะเข้ามาช่วยเหลือหรือหาช่องทางการตลาดเพิ่มเติม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวสวนในพื้นที่ ///-026