จวกนายกฯเชื่องช้าแก้ปัญหาสารพิษปนเปื้อนน้ำกก-สาย-รวก-โขง มัวแต่ตั้งรับ เลขามูลนิธิ พชภ.ชี้เป็นหายนะด้านสิ่งแวดล้อมใหญ่ที่สุด “ผศ.สิตางศุ์”เสนอแผนตั้งคณะทำงาน 5 ฝ่าย แนะผวจ.ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2568 ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และแกนนำเครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำกก สาย รวก โขง จ.เชียงราย ได้โพสต์เฟสบุคถึงน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า ตามที่นายกฯแจ้งว่าสถานการณ์แม่น้ำกกดีขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ตนมีความเห็น 4 ข้อ ดังนี้ 1.ขอหลักฐานจากนายกฯที่แสดงให้เห็นว่าน้ำกกดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอะไรคือข้อมูลหลักฐานที่ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกล้าประกาศเช่นนี้ ทั้งที่กรมควบคุมมลพิษเพิ่งเผยแพร่ผลการตรวจคุณภาพน้ำกก สาย และโขง พบว่ายังมีสารหนูเกินค่ามาตรฐาน
ดร.สืบสกุลกล่าวว่า 2. นายกรัฐมนตรียังคงมีความเชื่องช้าในการแก้ไขปัญหาวิกฤต เพราะนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯมาประชุมที่ จ.เชียงรายเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม เวลาผ่านไป 6 วัน แล้ว แต่รัฐบาลบอกว่าอยู่ในระหว่างจัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะด้าน เพื่อประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ ตลอดจนติดตามสถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อสุขภาพในพื้นที่ลุ่มน้ำกกและแม่น้ำสาย โดยมีกำหนดเสนอรายชื่อเพื่อพิจารณาในวันที่ 4 มิถุนายนนี้ ควบคู่กับการวางแผนจัดตั้ง “ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ (ส่วนหน้า)” และกลุ่มประสานงานเฉพาะกิจ เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงานในระดับพื้นที่ให้เป็นรูปธรรม
“เวลาผ่านไปแล้ว 6 วัน มันอาจไม่นานหากเป็นปัญหาอื่นๆ แต่ชาวเชียงรายเฝ้ามองสายน้ำปนเปื้อนสารพิษทุกเมื่อเชื่อวัน นอกจากนี้วันที่ 4 มิถุนายนที่จะถึงคือการพิจารณารายชื่ออีกต่างหาก ทำไมต้องเป็นวันที่ 4 ผมเดาว่าเป็นวันทำการหลังจากหยุดยาวใช่ไหมครับ พวกเราต้องการความมุ่งมั่นจากนายกรัฐมนตรีมากกว่านี้”ดร.สืบสกุล กล่าว
นักวิชาการมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงกล่าวว่า 3. นายกรัฐมนตรียังคงทำงานตั้งรับต่อแหล่งกำเนิดมลพิษข้ามพรมแดน โดยสั่งการแค่ให้กระทรวงต่างประเทศประสานงานแค่กับประเทศเมียนมาเท่านั้น นายกรัฐมนตรีต้องเอาประเทศตจีนเข้ามามีส่วนร่วม เพราะประชาชนเห็นว่าจีนมีบทบาทอย่างสำคัญทั้งในแง่การทำเหมืองและความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลเมียนมา รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธในพื้นที่ นอกจากนี้จุดยืนรัฐบาลต้องแถลงให้ประชาชนทราบอย่างชัดเจนว่า ตกลงแล้วนายกรัฐมนตรีเห็นว่าการแก้ต้นเหตุมลพิษทำได้ด้วยการปรับปรุงเหมืองหรือปิดเหมือง
นายสืบสกุลกล่าวว่า 4. ปัญหาไม่ได้มีแค่แม่น้ำกก แต่แม่น้ำทั้งหมดมี 4 สายที่ปนเปื้อนสารโลหะหนัก ได้แก่ แม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง ตนติดตามการทำงนของนายกรัฐมนตรีมาโดยตลอดซึ่งมักย้ำแต่แม่น้ำกกเท่านั้น ทั้งที่แม่น้ำทั้ง 4 สายล้วนแต่วิกฤต นายกรัฐมนตรีต้องพูดถึงแม่น้ำให้ครบทั้งแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง
ขณะที่ น.ส.เพียรพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา(พชภ.) จ.เชียงราย กล่าวว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นที่แม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง ในเวลานี้ คงต้องเรียกว่า “หายนะทางสิ่งแวดล้อมหนักที่สุดที่ประเทศไทยเคยเผชิญมา” เพราะเกิดการปนเปื้อนโลหะหนัก ตลอดลำน้ำตั้งแต่เข้าสู่ประเทศไทยจนลงสู่แม่น้ำโขง เพราะมีการทำเหมืองเถื่อน ( illegal mining) และนี่เป็นเพียงปฐมบทเท่านั้น
เลขาธิการมูลนิธิ พชภ.กล่าวว่า มีการเปิดหน้าดินที่ต้นน้ำอย่างรุนแรง มีภาพเรือขุดกลางลำน้ำ มีภาพถ่ายดาวเทียมเห็นภูเขาถูกขุดไม่ต่ำกว่า 40 จุด และที่น่าตกใจที่สุดคือภาพเหมืองแร่แรร์เอิร์ท ที่เพิ่งเริ่มในพื้นที่ภูเขาต้นน้ำกก จนมีการตรวจคุณภาพน้ำในแม่น้ำ โดยกรมควบคุมมลพิษ พบว่าตลอดลำน้ำกก สาย รวก โขง มีค่าสารโลหะหนักเกินมาตรฐาน โดยล่าสุดสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 เชียงใหม่ รายงานว่าการตรวจแม่น้ำกกจำนวน 15 จุด โดยอยู่ในพื้นที่บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ 3 จุด และจังหวัดเชียงราย 12 จุด พบว่า “สารหนู” (As) เกินมาตรฐาน 11 จุด
น.ส.เพียรพร กล่าวว่า แม่น้ำสายสารหนูเกินมาตรฐาน ทั้ง 3 จุด รวมถึงแม่น้ำโขง สารหนูเกินมาตรฐาน ทั้ง 2 จุด คือที่ อ.เชียงแสน พรมแดนไทยลาว ทั้งนี้จากการวิเคราะห์ข้อมูล ผลคุณภาพน้ำบริเวณที่ติดกับพรมแดนของเมียนมา ทั้งแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย จะมีค่าความขุ่นสูงตลอดเส้นน้ำและโลหะหนักสารหนูมีค่าสูงซึ่งเป็นพารามิเตอร์ที่สะท้อนถึงการทำกิจกรรมการทำเหมืองอย่างชัดเจน โดยค่าสารหนูที่พบในแม่น้ำโขง สันนิษฐานว่าอาจจะได้รับผลกระทบมาจากแม่น้ำสายที่มาบรรจบกับแม่น้ำรวก และไหลลงสู่แม่น้ำโขง
“หายนะครั้งนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลต้องยอมรับปัญหา ว่ามาจากเหมืองเถื่อนที่ต้นน้ำ นี่คือปีแรกๆ ของหายนะเท่านั้น กองกำลังว้าและกองกำลังที่มีอิทธิพลต่างๆในรัฐฉานอนุญาตให้บริษัทจีน (และอาจมีประเทศอื่นๆ) เข้ามาถลุง ต้นแม่น้ำของเราโดยไม่มีกฎหมายใดๆ นี่คือ organized environmental crime
หากรัฐบาลไม่ตั้งธงว่าจะแก้ปัญหานี้ที่ต้นทางของมลพิษ เราจะหมดงบประมาณอีกเท่าไหร่ในการแก้ปัญหาที่ปลายทาง ที่เป็นเพียงยาแก้ปวดเท่านั้น” เลขาธิการมูลนิธิ พชภ. กล่าว
ผศ.ดร.สิตางศุ์ พิลัยหล้า ภาควิชาวิศวกรรมทรัพยากรน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์เฟสบุคระบุว่า ป่านนี้แล้ว แต่ทำไมคนเชียงรายยังใช้น้ำดิบที่คาดว่าปนเปื้อนโลหะหนักผลิตน้ำประปา ทำไมการแก้ปัญหายังดูงุนงง สับสน อลหม่าน ทำไมไม่เห็นการ take action ที่มีแบบแผนชัดเจน แต่กลายเป็นต่างฝ่ายต่างทำ จนงงไปหมด
“ท่ามกลางความสับสนเรื่องข้อมูลการปนเปื้อน ที่ตอนนี้ต่างคนต่างตรวจ ต่างคนต่างพูด ท่ามกลางความไม่เชื่อใจกัน ระหว่าง รัฐ-ชาวบ้าน-นักวิชาการ ท่ามกลางการจัดการที่ไม่รู้แน่ว่าใครเป็นเจ้าภาพ หรือ ใครกำลังทำเรื่องอะไรอยู่ /ท่ามกลางความชุลมุนเหล่านี้ที่แน่ๆ คือ ยังไม่มีการประกาศภัยพิบัติ ระดับจังหวัด ประชาชนยังคง(ต้อง)ใช้น้ำดิบที่คาดว่าปนเปื้อนนี้ในการผลิตน้ำประปา และ มีการดื่มโชว์ พร้อมกับบอกว่า น้ำประปาใช้ได้ แต่อย่าใช้น้ำดิบโดยตรง มีความไม่เชื่อใจกัน ระหว่าง ชาวบ้าน-ราชการ-นักวิชาการ-รัฐบาลนำมาสู่ ความไม่เชื่อในข้อมูลการวิเคราะห์น้ำ สัตว์น้ำ ตะกอน”ผศ.ดร.สิตางศุ์ ระบุ
นักวิชาการด้านน้ำจากมหาวิทยาลัยเกษตรฯระบุด้วยว่า ขอเสนอไปยังระดับผู้บริหารของหน่วยงานราชการ และ รัฐบาลโดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายประกาศภัยพิบัติ เพื่อใช้งบฉุกเฉินที่มีในมือ 20 ล้าน ขับเคลื่อนการพิสูจน์-แก้ปัญหาเฉพาะหน้า-ร่วมวางแผนระยะกลางถึงยาว ขณะที่ส่วนกลางตั้งคณะทำงาน 5 ฝ่าย ประกอบด้วย 1.ผู้แทนส่วนราชการในพื้นที่(จังหวัดเชียงราย) 2.คณะนักวิชาการอิสระที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขา จากหลายสถาบัน อาทิ ด้านน้ำและตะกอนท้องน้ำ ดิน สัตว์ในน้ำ พืชในน้ำ สุขอนามัยประชาชน เป็นต้น 3.ตัวแทนฝ่ายความมั่นคง เพราะนี่เป็นเรื่องแม่น้ำนานาชาติ และเกี่ยวข้องกับต่างประเทศ 4. ตัวแทนภาคประชาชน 5.ตัวแทนจากรัฐบาลส่วนกลาง
ผศ.ดร.สิตางศุ์ระบุด้วยว่า แบ่งการทำงานอย่างน้อย 3 เรื่อง ซึ่งควรมีการตั้งคณะทำงานย่อยในแต่ละเรื่องให้ชัดเจน คือ1. ด้านความมั่นคง การเจรจาระหว่างประเทศ ระหว่างรัฐบาลไทย-จีน-ว้า (พม่า) เพื่อหยุดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการปนเปื้อนที่แหล่งกำเนิด อย่างน้อยก็ควรหยุดชั่วคราว จนกว่าจะหาทางออกที่ดีร่วมกันได้ 2. ด้านสิ่งแวดล้อม ก่อนอื่นพิสูจน์ความจริงร่วมกัน ให้รู้ขอบเขตการปนเปื้อน ทั้งในน้ำ /ตะกอนท้องน้ำในระดับลึกลงไป 5-10 cm / ดิน /คน /สัตว์น้ำ / พืช เพื่อจะได้ทราบความรุนแรงของสถานการณ์ว่าไปขนาดไหนแล้วและจะได้วางแผนแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ถูก รวมทั้งวางแผนแก้ปัญหาระยะกลาง-ยาว ได้
3. ด้านสุขอนามัยของประชาชนทีมแพทย์ พยาบาล สาธารณสุขระดับจังหวัด ลงพื้นที่ตรวจเลือดประชาชนที่มีความเสี่ยงก่อนเลย กลุ่มผู้ชรา เด็ก อาจมีความอ่อนไหวต่อการรับโลหะหนักผ่านทางน้ำ อาหาร รวมทั้งให้การรักษาผู้เจ็บป่วย (ถ้ามี)
“ถ้าผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นว่าเรื่องน้ำสำคัญต่อชีวิตคนทั้งจังหวัด ทั้งลุ่มน้ำ ก็ควรประกาศภัยพิบัติ แล้วใช้งบจังหวัด ที่ผู้ว่าฯมีอยู่ในมือ 20 ล้าน (ใช้หมด ก็มีมาเติมได้อีก ไม่ใช่หมดแล้วหมดเลย) ขอเทียบเคียง การทำงานเพื่อพิสูจน์ความจริง กรณีเหมืองทองอัครา ที่พิจิตร มีการตั้งคณะทำงาน 5 ฝ่าย โดย คสช.ต่อมามีการคณะพิสูจน์ความจริงและคณะทำงานย่อย”ผศ.ดร.สิตางศุ์ ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี