DSI จ่อส่งสำนวนฮั้วประมูลสัญญาโครงการก่อสร้างตึก สตง. แห่งใหม่ พบ 3 บิ๊ก สตง'เอี่ยวฮั้ว 'กิจการร่วมค้า ITD-CREC - กิจการร่วมค้า PKW'จัดล็อคสเป็คบริษัทภายใต้ 3 สัญญา แย้มเตรียมส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.พิจารณาภายในสัปดาห์หน้า
วันที่ 3 มิถุนายน 2568 จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้สอบสวนคดีพิเศษที่ 32/2568 ในความผิดตาม พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 กรณีบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เข้าเป็นกิจการร่วมค้า ITD-CREC คู่สัญญาก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ ต่อมาวันที่ 22 พ.ค. คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ประชุมและมีมติเห็นว่าการสอบสวนเสร็จสิ้นและได้มีความเห็นทางคดีเสนออธิบดีกรมสอบ สวนคดีพิเศษ จากนั้นวันที่ 23 พ.ค.68 ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีความเห็นทางคดีเสนอให้พนักงานอัยการคดีพิเศษสั่งฟ้องบริษัทไชน่าเรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด กับพวกรวม 5 ราย ในความผิดฐาน เป็นคนต่างด้าวฝ่าฝืนประกอบธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันในการประกอบกิจการกับคนต่างด้าวโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และคณะกรรมการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวตามบัญชีสาม (10) การก่อสร้าง และเป็นผู้มีสัญชาติไทยให้ความช่วยเหลือ หรือสนับ สนุนคนต่างด้าว เพื่อให้คนต่างด้าวหลีกเลี่ยง หรือฝ่าฝืนประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้ความช่วยเหลือ หรือสนับสนุนการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว
โดยเป็นคนต่างด้าวซึ่งยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทย หรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวเพื่อให้คนต่างด้าวหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนการประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาตและเป็นกรรม การ หุ้นส่วน หรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลซึ่งยินยอม และรู้เห็นเป็นใจกับการให้ผู้มีสัญชาติไทยกระทำความผิดนั้น หรือมิได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิดนั้น อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 กระทั่งวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงได้นำสำนวนการสอบสวน จำนวน 46 แฟ้ม เอกสาร 17,620 แผ่น พร้อมความเห็นควรสั่งฟ้อง บริษัท ไชน่าเรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) กับพวกรวม 5 ราย ส่งมอบพนักงานอัยการคดีพิเศษ สำนักงานคดีพิเศษเพื่อให้พนักงานอัยการมีความเห็นทางคดีต่อไป นอกจากนี้ คณะพนักงานสอบสวนยังได้พิจารณาขยายผลสืบสวนความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 หรือกฎหมายฮั้วประมูล ภายใต้การตรวจสอบสัญญา 3 ฉบับในโครงการก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ประกอบด้วย สัญญารับเหมาก่อสร้าง สัญญาการออกแบบ และสัญญาการควบคุมงาน เพื่อหาผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ นิติบุคคล ที่มีพฤติการณ์ได้มาซึ่งสัญญาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ล่าสุดดีเอสไอได้ส่งรายงานข้อมูลให้สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวน เนื่องจากพบเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น
ล่าสุด คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีการพิจารณาสำนวนการสอบสวนความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 หรือคดีฮั้วประมูล ว่า ภายหลังจากที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการสอบสวนคดีนอมินี บริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เสร็จสิ้น จึงได้ขยายผลเรื่องการได้มาซึ่งสัญญา 3 ฉบับ เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) อันประกอบด้วย สัญญารับเหมาก่อสร้าง สัญญาการออกแบบ และสัญญาการควบคุมงาน พบพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก และจากการสอบปากคำพยานกลุ่มบริษัทที่เคยเสนอราคา E-Bidding หรือคัดเลือกแล้วแต่กรณี จนมีความชัดเจนแล้วว่านอกจาก 6 รายในกิจการร่วมค้า PKW (ตามสัญญาการควบคุมงาน) ยังมีผู้บริหารระดับสูงของ สตง. เข้ามาเกี่ยวข้องในสัญญาฮั้วประมูล ทั้งนี้ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้รับไว้ดำเนินการเป็นคดีพิเศษที่ 58/2568 และได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานสำคัญ ก่อนส่งข้อมูลให้สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และ พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวพันกันในส่วนของตำแหน่งหน้าที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ
คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เผยอีกว่า สำหรับพฤติการณ์ความผิดของบุคคล 6 รายภายใต้กิจการร่วมค้า PKW คือ 1.บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด 2.นายปฏิวัติ ศิริไทย 3.บริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด 4.นายกฤตภัฏ ปล่องกระโทก 5.บริษัท ว. และสหายคอนซัลแตนส์ จำกัด โดยนายโชควิชิต ลักษณากร หรือ นายพลเดช เทอดพิทักษ์วานิช และนางปราณีต แสงอลังการ และ 6.นายพลเดช เทอดพิทักษ์วานิช ซึ่งหน้าที่ควบคุมงาน ตามสัญญาการควบคุมงานนั้น ตามขั้นตอนแล้วจะต้องมีวิศวกรมาควบคุมงานจริง แต่ในการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานกลับพบว่ามีการปลอมเอกสารลายเซ็นของวิศวกรเพื่อให้ได้งาน
ทั้งนี้ พยานปากสำคัญภายในสำนักงาน สตง.ได้มาให้ข้อมูลกับดีเอสไอ กล่าวโทษตามกฎหมาย พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 11 “เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐผู้ใด หรือผู้ได้รับมอบหมายจากหน่วยงานของรัฐผู้ใดโดยทุจริตทำการออกแบบ กำหนดราคา กำหนดเงื่อนไข หรือกำหนดผลประโยชน์ตอบแทน อันเป็นมาตรฐานในการเสนอราคาโดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม หรือเพื่อช่วยเหลือให้ผู้เสนอราคารายใดได้มีสิทธิเข้าทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐโดยไม่เป็นธรรม หรือเพื่อกีดกันผู้เสนอราคารายใดมิให้มีโอกาสเข้าแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 100,000-400,000 บาท“
ต่อนายกฤตภัฏ (สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการร่วมค้า PKW ร่วมกันกับอดีตผู้ว่า สตง. และประธาน สตง. จัดซื้อจัดจ้างทั้งหมด ตั้งแต่การออกแบบ การก่อสร้าง จวบจนการควบคุมงาน ทำให้พบว่าผู้บริหารระดับสูงของ สตง. ได้เข้ามาเกี่ยวข้องในการฮั้วประมูล มีพฤติกรรมเป็นคนจัดฮั้วประมูล ล็อคสเป็กว่าจะเอาหรือไม่เอาบริษัทใดบ้าง อาทิ การออกแบบ ได้มีการเจาะจงเลือกบริษัทไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด มาเขียนแบบ เพื่อเอื้อให้บริษัทจีน (กิจการร่วมค้า ITD-CREC : บริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ และบริษัท อิตาเลียนไทยฯ)ได้ก่อสร้าง จากนั้นก็เอาบริษัทควบคุมงาน(กิจการร่วมค้า PKW) ที่ไม่ได้มีการควบคุมงานจริงมาอ้างใช้ในการควบคุมงาน พฤติกรรมเช่นนี้ก็เหมือนเป็นการนำเอาเงินของรัฐไปทำให้เกิดความเสียหาย
คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เผยต่อว่า ดีเอสไอจะเร่งส่งสำนวนการสอบสวนคดีฮั้วประมูลให้สำนักงาน ป.ป.ช.ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อที่ ป.ป.ช.จะได้นำเรื่องเข้าคณะกรรมการ ป.ป.ช.(ชุดใหญ่) เพื่อพิจารณาว่าจะมอบหมายให้ดีเอสไอดำเนินการบางส่วน หรือ ป.ป.ช. จะดำเนินการเองทั้งหมด
ทั้งนี้ ผู้บริหารของ สตง.ที่มีรายชื่อปรากฏในสำนวนฮั้วประมูล ที่เตรียมส่งให้ ป.ป.ช.ไต่สวน พร้อม 6 ผู้บริหารของกิจการร่วมค้า PKW โดยมี 3 ราย 1 ในนั้นเป็นผู้บริหารสูงสุด และอดีตผู้บริหาร และเลขานุการของผู้บริหาร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี