สุดทน!ลูกน้องรุมแฉ'หน.ซี 9'ใช้คำพูดรุนแรงด่าลูกน้องเหมือนไม่ใช่คนด้อยค่า ขรก.อุดร
ความอัดอั้นของข้าราชการในสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุดรธานี สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถึงจุดเดือด! รวมตัวร้องสื่อหลังเผชิญพฤติกรรมหัวหน้าระดับซี 9 ข่มขู่ ตะคอก ใช้คำพูดด้อยค่าด่าทอเหมือนไม่ใช่คน ซ้ำยังพูดทำร้ายจิตใจ 'อุดรธานีถึงไม่เจริญเพราะมีข้าราชการโง่ๆ แบบพวกคุณ' ทำให้บรรยากาศการทำงานเต็มไปด้วยความตึงเครียด หลายรายต้องกินยานอนหลับ บางคนถูกกดดันจนลาออก-ขอย้าย ขณะที่หัวหน้าระดับซี 9 ที่ถูกกล่าวหาโต้กลับตนเป็นทหาร ทำงานเสียงดัง ดุดัน พร้อมชี้แจงเหตุผลการร้องเรียนเป็นข้อๆ ยันทำตามระเบียบไม่กลัวถูกตรวจสอบ
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวจังหวัดอุดรธานีได้รับเรื่องร้องเรียนจากตัวแทนข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง และอดีตลูกจ้างรวม 9 คนจากสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุดรธานี สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยระบุว่าถูกผู้บริหารใช้อำนาจในฐานะหัวหน้า ข่มขู่ ตะคอกเสียงดัง และใช้คำพูดด้อยค่าด่าทอลูกน้องในสำนักงานเหมือนไม่ใช่คน มีเจตนากลั่นแกล้ง กดดันให้ลูกจ้างลาออก และข้าราชการโอนย้ายไปที่อื่นหลายคนแล้ว แม้จะเคยร้องเรียนไปยังกระทรวงต้นสังกัดแต่เรื่องกลับเงียบหาย ทำให้ข้าราชการในสำนักงานทุกข์ใจอย่างหนัก ทำงานเหมือนตายทั้งเป็น จึงวอนสื่อมวลชนเป็นปากเสียงช่วยแก้ไขปัญหา
ตัวแทนผู้ร้องเรียนซึ่งเป็นข้าราชการทั้งชายและหญิงในสำนักงานฯ ที่ตั้งอยู่ในศาลากลางจังหวัดอุดรธานี เล่าถึงความทุกข์ใจว่า ตั้งแต่ผู้บริหารคนใหม่ย้ายมารับตำแหน่งเมื่อเดือนตุลาคม 2567 ได้สร้างความกดดันอย่างมากในการทำงาน พฤติกรรมการทำงานไม่มีความยืดหยุ่น มีการข่มขู่ว่าจะติดคุกหากทำผิดกฎระเบียบ แม้แต่โครงการที่อนุมัติแล้วก็กลับคำว่าผิด ทำให้เกิดความสับสน นอกจากนี้ยังชอบประชุมแล้วพูดอยู่คนเดียว ไม่เปิดโอกาสให้อธิบาย หรือหากอธิบายก็จะถูกหาว่าเถียง ปรึกษางานไม่ได้ มีแต่เสียงขู่ ตะคอก เสียงดัง และใช้คำพูดด้อยค่า ด่าทอบางครั้งเหมือนหมูเหมือนหมาต่อหน้าคนอื่น
คำพูดที่สร้างความเจ็บช้ำและจำขึ้นใจที่สุดคือ "ทำงานแบบเดิมๆ ทำงานเหมือนคนอุดรธานี พวกคุณแก่สมองพวกคุณก็แก่ไปด้วย แล้วอุดรธานีถึงไม่เจริญเพราะมีข้าราชการโง่ๆ แบบพวกคุณ" ซึ่งสร้างความทุกข์ใจเป็นอย่างมาก พวกตนเคยทำหนังสือร้องเรียนไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตั้งแต่ปี 2567 และกระทรวงฯได้ส่งผู้บริหารมาสอบข้อเท็จจริงถึง 2 ครั้ง แต่เรื่องก็เงียบหายไป หากเป็นไปได้ทุกคนก็อยากย้ายไปทำงานสังกัดอื่น หรือสำนักงานอื่น เพราะตอนนี้ทำงานเหมือนตายทั้งเป็น บางคนถึงขั้นคิดอยากจะย้าย หรือแม้กระทั่งคิดอยากตาย แต่ก็ยังเป็นห่วงคนข้างหลัง
ข้าราชการหญิงรายหนึ่งผู้ดูแลงานบริหารภายใน เปิดเผยว่า เมื่อไปขอคำปรึกษา ผู้บริหารกลับไม่ให้ความเห็น แต่ให้ไปคิดเอง ทำให้เกิดภาวะเครียดสะสม ครอบครัวก็แนะนำให้ย้าย แต่ตนทนอยู่เพื่อสำนักงานและเพื่อนร่วมงาน ตนทำงานมาเกือบ 28 ปีไม่เคยเจอหัวหน้างานเช่นนี้มาก่อน ตอนนี้ต้องกินยาคลายเครียดและยานอนหลับ ข้าราชการในสำนักงานเกือบ 20 คน ล้วนมีความทุกข์ใจอย่างมาก แต่ไม่รู้จะขอความช่วยเหลือจากใครได้อีก หลังร้องเรียนไปกระทรวงฯ 2 ครั้งแต่เรื่องเงียบ ทำให้ทุกคนเครียดมาก
พร้อมกล่าวเสริมว่า ทีมสอบสวนที่ลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริงเคยพูดว่า "ไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้จะเอาหัวหน้าคนนี้ไปวางไว้ส่วนไหน" และยังระบุว่า "เจ้าหน้าที่ข้าราชการพนักงานก็แรงพอๆ กัน" ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ร้องเรียนเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ประวัติของผู้บริหารคนนี้เคยถูกร้องเรียนเรื่องพฤติกรรมแบบนี้มาตลอดใน 7-8 จังหวัดที่เคยไปทำงาน พวกตนไม่เคยทำเรื่องร้องเรียนหัวหน้าคนไหนมาก่อน แต่ครั้งนี้ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงต้องพึ่งสื่อมวลชน และวอนผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงฯ ให้ความเมตตา เพราะตนรับไม่ไหวแล้ว และไม่อยากย้ายงานเพราะรักอุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านเกิด
นายเอ (นามสมมติ) อดีตพนักงานขับรถ ซึ่งเป็นลูกจ้างสัญญาปีต่อปี เล่าเพิ่มเติมว่า ตนทำงานได้ประมาณ 6 เดือน หลังหัวหน้าคนนี้ย้ายมาทำงานเพียง 2-3 วัน ก็เกิดเรื่อง โดยถูกถามว่าทำไมไม่ทำงาน มานั่งให้เปลืองแอร์ทำไม และถูกว่า "ยกมือไหว้ทำไม ผมไม่ใช่หัวหน้าคุณ" ทำให้ตนงงและเครียดจนต้องกินยาคลายเครียด หลังมีเรื่องร้องเรียน หัวหน้างานท่านนี้ก็สั่งให้หัวหน้าฝ่ายเลิกจ้าง โดยอ้างว่าตนไม่มีความเคารพ ไม่ยกมือไหว้ ตอนนี้ตกงานมา 3 เดือนแล้ว เดือดร้อนมาก และมองว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับผู้บริหารผู้ที่ถูกกล่าวหาที่ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี เพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น โดยได้รับการเปิดเผยว่า ตนย้ายมารับราชการที่จังหวัดอุดรธานีช่วงเดือนตุลาคม 2567 ส่วนเรื่องที่ผู้ใต้บังคับบัญชาร้องเรียนกับสื่อนั้น พวกเขาเคยร้องเรียนไปยังกระทรวงฯ ตั้งแต่ต้นปี 2568 แล้ว และทางปลัดกระทรวงฯ ได้ส่งผู้ตรวจราชการมาสอบสวนแล้ว 2 รอบ ครั้งแรกเป็นผู้ตรวจเขตราชการที่รับผิดชอบพื้นที่อุดรธานี และครั้งที่ 2 เป็นคณะกรรมการของกระทรวงฯ
นอกจากนี้ กระทรวงฯยังมีคำสั่งให้ตรวจสอบภายในเพิ่มเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นการตรวจสอบย้อนหลัง 3 เดือนก่อนตนมารับตำแหน่ง และ 3 เดือนหลังมารับตำแหน่ง จากการตรวจสอบพบ 10 ประเด็นสำคัญ ที่ถือเป็นเรื่องหนักๆ และไม่ถูกต้องตามระเบียบ เช่น การถ่ายเอกสาร การตรวจสอบบัญชี การจัดซื้อจัดจ้าง และการเบิกจ่ายค่าเช่าบ้าน ซึ่งทางผู้ตรวจสอบก็ได้กำชับสั่งการให้แก้ไขให้เป็นไปตามระเบียบ ส่วนกรณีที่พวกเขากล่าวหาว่าตนอนุมัติโครงการยากนั้น ตนตรวจสอบแล้วว่าหากไม่ถูกต้องตามระเบียบ การเซ็นอนุมัติก็จะเกิดปัญหา จึงสั่งให้กลับไปแก้ไข ไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้งแต่อย่างใด
ผู้บริหารที่ถูกกล่าวหารายนี้ กล่าวต่อว่า หากนักข่าวไปทำข่าวตนก็จะเห็นและรู้สไตล์การทำงานตนว่า ตนเป็นคนยังไง ตนเคยเป็นทหารมาก่อน ตนทำงานเสียงดัง ดุดัน และรวดเร็ว ส่วนกรณีที่พนักงานข้าราชการย้ายออกหรือลาออกนั้น ต้องถามกลับไปว่าเขาขอย้ายตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เขาย้ายเพราะทนตนไม่ได้ หรือทนคนในสำนักงานไม่ได้ แต่คำสั่งอนุมัติขอย้ายดันมาออกในช่วงที่ตนย้ายมาที่อุดรธานีพอดี และลูกจ้างที่ถูกจ้างเหมาต้องดูว่าเป็นการจ้างเหมาบริการแบบไหน ปีต่อปี หรือสัญญาแบบ 6 เดือน ส่วนตัวในฐานะผู้บริหารก็รู้สึกสงสารน้องๆ โดยเฉพาะเรื่องค่าเช่าบ้านที่เบิกจ่ายไปแล้วจะต้องมีการเรียกคืน หากตนไม่แก้ไข ตนก็จะถูกผู้บังคับบัญชามองว่าละเว้น หากแก้ไขไม่สำเร็จก็ถือว่าผิดอีก และเรื่องที่ผู้ใต้บังคับบัญชาไปร้องเรียนกับสื่อมวลชน ตนก็ไม่ได้รู้สึกกังวลเพราะว่าตนยึดหลักของในหลวงคือ เราทำความดีไม่ต้องกลัว เราไม่ได้คอร์รัปชันเราไม่ต้องกลัว
นักข่าวถามว่า ที่ท่านพูดกับผู้ใต้บังคับบัญชาว่า ทำงานแบบนี้อุดรไม่เจริญหรอก เรื่องนี้จริงเท็จแค่ไหน ได้รับการชี้แจงว่า ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่แบบที่พวกเขาคิด ตนเพียงอยากเปรียบเปรยว่า อย่าทำงานแบบเคยชิน ยกตัวอย่าง คุณอยู่บ้านตัวเองคุณเห็นบ้านคุณรก คุณก็มองเป็นเรื่องธรรมดาเพราะคุณชิน แต่ถ้าเป็นคนอื่นเข้าไปในบ้านคุณเห็นบ้านคุณรก เขาก็มองคุณว่าคุณเป็นคนไม่เรียบร้อย ลองคิดแบบคนข้างนอกสิถ้าคนข้างนอกมองคุณ การที่พวกเขาเอาเรื่องไปร้องสื่อ พวกเขาก็บอกมาเพียงบางส่วน เอาสิ่งที่กระทบจิตใจเขาไปร้องเรียน แต่สิ่งที่พูดก่อนหน้านั้นมีต้นเรื่องมาอย่างไรไม่ได้บอกไว้ - 001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี