กฎหมายใหม่ ป.ป.ช. ป้องกันการฟ้องปิดปาก(SLAPP)

SLAPP หรือการฟ้องปิดปาก ย่อมาจาก Strategic Lawsuit Against Public Participation ซึ่งเกิดได้ทั้งคดีระหว่างเอกชนกับเอกชน รวมถึงเอกชนกับรัฐ

ซึ่งเป็นกลยุทธ์วิธีหนึ่งในการบั่นทอนทั้งกำลังใจ กำลังทรัพย์และความตั้งใจในการดำเนินคดีของผู้เสียหาย ซึ่งมีทั้งการดำเนินเป็นคดีแพ่งเช่นการฟ้องละเมิดหรือไขข่าวและเรียกค่าเสียหายจำนวนมาก รวมถึงเป็นคดีอาญาในข้อหาต่างๆไม่ว่าจะเป็นหมิ่นประมาท หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ดูหมิ่นโดยการโฆษณา รวมถึงคดีอาญาที่เกี่ยวกับการแจ้งความเท็จหรือเบิกความเท็จเป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นอุปสรรคในการดำเนินคดีทั้งระหว่างเอกชนกับเอกชน โดยเฉพาะคดีที่เป็นประโยชน์สาธารณะ

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้มีการเผยแพร่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568

โดยในมาตรา 3 ของกฎหมายดังกล่าวนั้นได้มีการ แก้ไขมาตรา 132 ของ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ใจความว่า "มาตรา 132 ผู้ใดให้ถ้อยคํา แจ้งข้อมูลหรือเบาะแส ส่งพยานหลักฐานหรือแสดงความคิดเห็นแก่คณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือพนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดที่อยู่ในหน้าที่ และอํานาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หากได้กระทําโดยสุจริต ผู้นั้นย่อมได้รับความคุ้มครองไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางวินัย เฉพาะส่วนความรับผิดที่เกิดจากการให้ถ้อยคำ แจ้งข้อมูลหรือเบาะแส ส่งพยานหลักฐาน หรือแสดงความคิดเห็นดังกล่าว ที่จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย

ซึ่งในบทบัญญัติดังกล่าวมีข้อความที่น่าสนใจคือ ความคุ้มครองการฟ้องปิดปากดังกล่าวเกิดขึ้นเฉพาะกรณีการให้ถ้อยคำต่อเจ้าหน้าที่ การแจ้งข้อมูล หรือเบาะแส ส่งพยานหลักฐาน รวมถึงแสดงความคิดเห็น เฉพาะในสำนวนหรือไม่ ส่วนการให้สัมภาษณ์หรือการแสดงความคิดเห็นผ่านทางช่องทางออนไลน์นั้น หน้าที่จะต้องพิจารณาต่อไปว่าเป็นความคุ้มครองตามกฎหมายดังกล่าวหรือไม่

แม้เป็นก้าวแรกของกฎหมายเกี่ยวกับการฟ้องปิดปากที่อาจจะยังมีข้อที่ต้องพัฒนาต่อไป แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีในประเทศไทยที่ เริ่มให้ความสำคัญในการฟ้องปิดปาก

037